สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ก.ค. 2565

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ก.ค. 2565


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,037.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.86 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,845.08 จุด เพิ่มขึ้น 13.69 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,361.85 จุด เพิ่มขึ้น 39.61 จุด หรือ +0.35%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) หลังจากคนงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซยุติการประท้วงหยุดงาน ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับปริมาณพลังงาน และตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์.คอมที่พุ่งขึ้น 15.5% หลังบริษัทแอมะซอนตกลงซื้อหุ้นในธุรกิจกรับฮับ (Grubhub) ของจัสต์ อีตฯ

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 407.34 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด หรือ +1.66%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,912.38 จุด เพิ่มขึ้น 117.42 จุด หรือ +2.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,594.52 จุด เพิ่มขึ้น 193.32 จุด หรือ +1.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,107.77 จุด เพิ่มขึ้น 82.30 จุด หรือ +1.17%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมืองในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,107.77 จุด เพิ่มขึ้น 82.30 จุด หรือ +1.17%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ในวันพุธ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 98.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 100.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ในวันพุธ (6 ก.ค.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 107 ทำสถิติสูงสุดระดับใหม่ในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 27.4 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 1,736.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. 2564

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 19.159 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 9.8 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 840.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 22.50 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,896.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (6 ก.ค.) โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 107 ทำสถิติสูงสุดระดับใหม่ในรอบ 20 ปี หลังรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ระดับ 107.0910

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0183 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0265 ดอลลาร์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ที่ระดับ 1.1926 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1949 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 135.96 เยน จากระดับ 135.68 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9714 ฟรังก์ จากระดับ 0.9685 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3043 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3048 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button