ขายหนักจนเกิดโลว์ใหม่
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หรือมีอะไรให้ต้องลุ้นกันอีกต่อไป เพราะเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนได้เม้าท์ให้ฟังไปหมดแล้ว
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หรือมีอะไรให้ต้องลุ้นกันอีกต่อไป เพราะเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนได้เม้าท์ให้ฟังไปหมดแล้ว และที่เหลือก็มีแค่รอคอยระเบิดเวลาจะรุนแรงไหม? “โมนิก้า” จึงไม่ต้องสาธยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะสิ่งที่เห็นต่อจากนี้จะเป็นเรื่องเซนติเมนต์มากกว่าประเด็นอื่น ๆ เลยไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลองไงล่ะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนออกมาด้วยการเทหุ้นเป็นระลอก พร้อมกับอ้างเหตุผลยอดนิยมอย่างเช่น “เศรษฐกิจ” และ “การเมือง” เป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงเข้าใจสาเหตุที่ดัชนีไทยมีอาการเมาหมัดตลอดเวลา เพราะลำพังภูมิคุ้มกันที่จะยับยั้งแรงกระแทกจากภายนอก ก็ไม่มีภูมิอันไหนต้านทานได้เลยสักอย่าง และต้องปล่อยให้ปัจจัยภายนอกกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไปแบบไม่มีกำหนดนะจะบอกให้
*ประกอบกับการทรุดตัวของดัชนีลงมาที่ระดับ 1,546.80 จุด ลบไป 10.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.78 หมื่นล้านบาท และจวนเจียนจะหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,550 จุดอีกรอบ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับแฟนคลับที่ยังปล่อยของไม่ได้ แถมหุ้นยอดนิยมหลายตัวทำโลว์ใหม่ให้เห็นเป็นระยะ เดี๊ยนจึงไม่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะฝ่ากระแสเงินไหลออกได้อย่างแข็งแกร่งนะตัวเอง
*ผนวกกับยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนทำให้ดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาอยู่ที่ระดับ “1 ยูโรแลกได้ 1 ดอลลาร์” (จากก่อนหน้านี้แลกได้ดอลลาร์กว่า ๆ) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน เพราะแฟนคลับหลายคนหยุดเทรดเพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจเสียก่อนบรรยากาศลงทุนถึงวังเวงชอบกลนะจ๊ะ
*เหมือนเหตุการณ์ที่หุ้น VGI โดนกระหน่ำขายอย่างหนัก จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 4.52 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 386 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ในรอบ 6 ปี ก็เป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถานการณ์ของหุ้นไม่ปกติ และตัวธุรกิจก็ไม่ปกติเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงสังหรณ์ใจว่า ราคาหุ้นจะลงไปยืนใกล้บุ๊ก 3.38 บาท เพราะผลงานในไตรมาสนี้ก็คงไม่ดีอีกตามเคยเจ้าค่ะ
*ในเมื่อสถานการณ์รอบด้านไม่เป็นใจ และธุรกิจโฆษณา “เอ้าท์ดอร์” และ “อินดอร์” ก็ไม่เฟื่องฟูเหมือนเดิม PLANB จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่โดนรินขายออกมาตลอดเวลา จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 6 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ในรอบ 11 เดือน ผนวกกับการเทรดล่าสุดก็อยู่บน PE 200 เท่า จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปซื้อสวนน่ะซี
*ขนาดตัวที่ “แน่ ๆ เจ๋ง ๆ” และเจ้ามือเพิ่งปั่นขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ อย่างหุ้น TEAM ก็ยังโดนเทหน้าตาเฉย “โมนิก้า” ถึงมองเกมหุ้นเที่ยวนี้น่าจะปิดฉากอย่างเป็นทางการ เพราะเจ้ามืออาจมองว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” จึงไม่อยากทุ่มทุนดันหุ้นขึ้นไปอีก และเลือกใช้วิธีถอยรับเพื่อเลี้ยงกระแสไว้ก่อน และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 4.44 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไหร่ เพราะเจ้ามือพร้อมลุกหนีจากวงตลอดเวลาเจ้าค่ะ
*ส่วนคนที่ชอบหุ้นแนวปั่น ๆ และลากกันแบบสุดเหวี่ยง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูหุ้น KWI ซึ่งหันมาเอาดีทางธุรกิจประกันในทันที โดยเฉพาะการพลิกกำไรในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ปีนี้มาดีล้านเปอร์เซ็นต์! เจ้ามือจึงเข้ามาทำราคาเป็นช่วง ๆ และการยืนปิดที่ระดับ 2.94 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 211 ล้านบาท ก็เป็นการเดาทางเจ้ามือจะเอาทางไหน? หลังหุ้นเปิดกระโดดแรงเกินเหตุน่ะซี
*ตบท้ายกันที่หุ้นลิสซิ่งตัวจิ๋วอย่าง ECL กันดีกว่า เพราะอาการโรยตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี ก่อนจะเด้งสู้ในช่วงกลางเดือน พ.ค. แต่สุดท้ายก็ต้านไม่ไหวเหมือนเดิม เพราะเจอทั้ง “พิษเศรษฐกิจ พิษดอกเบี้ย” หุ้นเลยมีอาการคอตกอีกครั้ง แถมเจอขึ้น XW อีกดอก หุ้นถึงไหลลงมาปิดที่ระดับ 2.34 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94 ล้านบาท เดี๊ยนถึงกล้าฟันธงว่า เที่ยวนี้มีโอกาสเห็นราคาต่ำกว่า 2.18 บาท ซึ่งเป็นนิวโลว์ของรอบที่แล้วพะยะค่ะ