เหลือบการเมือง..รุมทึ้งตลาดหุ้น
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องหนักๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “การเมือง” และ “ตลาดหุ้น” แบบเต็มตัว “โมนิก้า” ขอย้อนความกลับไปที่หัวเรื่องเมื่อวันก่อน
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องหนัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “การเมือง” และ “ตลาดหุ้น” แบบเต็มตัว “โมนิก้า” ขอย้อนความกลับไปที่หัวเรื่องเมื่อวันก่อน ซึ่งจั่วไว้ว่า “ตลาดหุ้นไทยใต้ฝ่าเท้าฝรั่ง” เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นพลานุภาพของฝรั่งสามารถชี้ให้ตลาดหุ้น “ขึ้น” หรือ “ลง” ในพริบตา และเรื่องนี้ก็ถูกตอกย้ำด้วยการที่หุ้นไทยวิ่งขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,539.32 จุด บวกไป 5.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.75 หมื่นล้านบาทพะยะค่ะ
วกกลับมาที่เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันสักหน่อย เพราะประเด็นที่สร้างความฮือฮาให้กับคนในวงการตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องซุกหุ้นของนายใหญ่คมนาคม “ศักดิ์สยาม” เพราะมีไทม์ไลน์การโอนหุ้นให้นอมินีเห็นกันทนโท่ ส่วนในรายของ “สุชาติ” ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่กระทรวงแรงงาน อาจเรียกเสียงกรี๊ดได้บ้างนิดหน่อย เพราะไปโยงกับการปั่นหุ้น ARIN ซึ่งมีภรรยาสุดที่รักอย่าง “วิมลจิต” นั่งเป็นเอ็มดีน่ะซี
ว่ากันว่า ประเด็นนี้กลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” เพราะดันมีเงินประกันสังคมเข้ามาพัวกันกับตลาดหุ้น “โมนิก้า” จึงต้องลงมาคลุกฝุ่นตีโม้งเพื่อทำให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนของบอร์ดประกันสังคม มันมีกฎข้อบังคับที่ชัดเจนอยู่แล้ว เดี๊ยนจึงไม่ติดใจกับการนำเงินไปลงทุนในหุ้นไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของประเทศ เพราะทุกคนก็เห็นกันอยู่แล้วว่า นี่คือโกรทสต๊อกที่นักลงทุนสถาบันก็ลงทุนกันทั้งนั้นเจ้าค่ะ
ส่วนจุดที่พลิกผันจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตคือ ท่อนที่ฝ่ายค้านอ้างอย่างมั่นใจว่า บริษัทไฟฟ้าดังกล่าวใช้บริษัทลูกที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่ให้ไปซื้อหุ้น ARIN โดยหลงลืมไปว่า ตลท.เขามีกฎระเบียบที่ชัดเจนว่า หากนำเงินบริษัทไปลงทุนต้องผ่านบอร์ดก่อนทุกครั้ง และต้องแจ้งตลาดฯ อย่างเป็นทางการ และอย่าลืมว่า อรินเป็นบริษัทที่ขาดทุนเรื้อรัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทไฟฟ้าจะเข้าลงทุน..งานนี้จึงน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า ขณะที่หุ้นพุ่งแรงก็เป็นเรื่องของ ตลท. ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ เพื่อทำให้ทุกอย่างกระจ่างนะจะบอกให้
สำหรับประเด็นที่เลวร้ายในสายตาคนวงการตลาดหุ้น คงพุ่งเป้าไปยังชายที่ชื่อ “จุติ” ซึ่งนั่งแท่นเป็นเจ้ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพราะเรื่องที่เด็กก้าวไกลออกมาแฉถึงความไม่โปร่งใสภายใต้การคอลโทรลของการเคหะฯ มันเกี่ยวโยงกับพ่อมดตลาดหุ้น จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องตามติด รมว.ตัวแสบ รายนี้อย่างใกล้ชิด หลังเคยสร้างเรื่องแสบสันต์ (ขวางโรงเรียนนานาชาติเข้าตลาดหุ้น ทั้งที่เขาทำถูกขั้นตอนทุกอย่าง) ต่อจากนั้นก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..คนในตลาดหุ้นเขายังจำกันได้คุณพี่!
งานนี้จึงเหมือนเป็นการจองกฐินหลายกอง ซึ่งทุกคนพร้อมรุมถวายเจ้ากระทรวงแบบจัดหนัก โดยเฉพาะการเปิดชื่อคนใกล้ชิดที่ชื่อ จรร. เข้ามารุมทึ้งโครงการที่มีมูลค่าหมื่นล้านของการเคหะฯ (แผน 5 ปี) ทำให้เดี๊ยนต้องไปดูชื่อบอร์ดทั้งหมดมีใครบ้าง?..ในที่สุดก็ถึงบางอ้อจนได้ และทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงภาพเก่า ๆ ของห้างดังที่หาดใหญ่ ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อในตลาดหุ้นว่า DIANA ขึ้นมาในทันทีนะตัวเอง
ถามว่า เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้นตัวนี้ทำไม? เดี๊ยนขอตอบว่า เพราะตำนานของเรื่องราวดังกล่าวไม่จบเพียงแค่นี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ และมีการเปลี่ยนชื่อหุ้นเป็น D1 แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด จึงต้องส่งไม้ต่อให้กับ เสี่ย.ม ผู้ยิ่งใหญ่ของวงการอสังหาฯ ในสมัยนั้น พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น C.. ซึ่งคนในวงการต่างรู้จักเป็นอย่างดีว่า หุ้นตัวนั้นคือหุ้นอะไร? และที่ผ่านมาเสี่ยมีสไตล์ในการทำธุรกิจแบบไหน?..อิอิอิ
ที่น่าสนใจคือเรื่องราวในอดีตที่ทำให้นักเล่นสมัยก่อนติดตาตรึงใจก็คือ มหากาฬของหุ้น IEC ซึ่งทำให้นักเล่นกระเป๋าฉีกกันเป็นแถว แถมผู้บริหารยังโดนข้อหาเบียดบังทรัพย์สินกันเป็นแถวอีกต่างหาก บรรดาขาเผือกเลยฝากถามถึงคุณพี่ “จรร.” ซึ่งฝ่ายค้านเขาอภิปรายว่าใกล้ชิดกับเจ้ากระทรวง “จุติ” มากเหลือเกินนั้น..มันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า? พร้อมกันนั้นก็มีการอ้างอิงถึงแผนดัน บ.จัดการทรัพย์สินและชุมชน เพื่อดันเข้าตลาดหุ้นแบบเนียน ๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงให้ชัดนะตัวเอง!
เนื่องจากในตลาดหุ้นร่ำลือให้แซ่ดว่า โบรกเกอร์ที่มีชื่อว่า T.. เป็นคนรับงานที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมกันนั้นก็พบว่า ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์มีชื่อของ บมจ.เคหะสุขประชา ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท และเพิ่งจัดตั้งเมื่อเดือน มี.ค. 65 ดันมีชื่อของ “จรร.” เข้ามาเกี่ยวข้องอีกแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงบอกได้ทันทีว่า งานนี้เจ้ากระทรวงโดนหนักอย่างแน่นอน เพราะผู้คนในตลาดหุ้นช่วยกันขุดคุ้ยเรื่องใต้พรม และความเชื่อมโยงของบริษัทต่าง ๆ ..งานนี้แฉกันรัว ๆ อีกหลายวันจ้า!