โบรกชี้ ICHI กำไร Q2 พีคสุดของปี รับรายได้โตแกร่ง เคาะซื้อเป้า 11 บ.
โบรกชี้ ICHI กำไรไตรมาส 2/65 พีคสุดของปี 65 แตะ 153 ลบ. หลังรายได้ในประเทศยังโตดีต่อเนื่องตามฤดูกาล หนุนรายได้รวมโต 11% คงประมาณการกำไรทั้งปี 65 อยู่ที่ 552 ลบ. คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 11 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.65) เกี่ยวกับหุ้นบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 153 ล้านบาท เติบโต 47.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 6.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน
สำหรับสาเหตุที่มองว่ากำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน เพราะต้นทุนพลาสติกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสาเหตุที่คาดกำไรโตแรงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เพราะจะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษทางภาษีเหมือนในไตรมาสก่อน และคาดรายได้ในประเทศยังโตดีต่อเนื่องตามฤดูกาล โดยฟื้นตัวทั้งช่องทาง CVS และ Traditional Trade รวมถึงมีการออกสินค้าร่วมกับ Nestle ปัจจุบันออกมาแล้ว 2 รายการกลุ่มไอศครีม คาดรายได้ในประเทศสามารถหักล้างรายได้ส่งออกที่ยังไม่สดใสได้ทั้งหมด
ขณะที่คาดรายได้รวมไตรมาส 2/65 จะเติบโต 15.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 11.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน แม้ต้นทุนพลาสติกยังปรับตัวสูงขึ้น แต่ไตรมาสนี้เร่งการผลิตมากขึ้น เพราะลูกค้ามีการสต็อกสินค้าก่อนบริษัททยอยปรับขึ้นราคา Wholesale ทำให้ประโยชน์จาก Economies of Scale หักล้างผลลบของต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับขึ้นได้ คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะขยับขึ้นเป็น 17.5% จาก 14.7% ในไตรมาส 1/65 แต่ยังต่ำกว่า 21.3% ในไตรมาส 2/64 ขณะที่คาดส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมอินโดนีเซียอาจปรับลงมาอยู่ที่ 14 ล้านบาท จาก 30 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65 แต่ยังเป็นกำไรที่สูงกว่าปีก่อน ส่วนหนึ่งเพราะอินโดเริ่มมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเข้ามา
ทั้งนี้หากกำไรปกติไตรมาส 2/65 เป็นไปตามคาด จะมีกำไรปกติครึ่งแรกปี 65 ที่ 281 ล้านบาท ลดลง 1.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี เบื้องต้นยังมองกำไรไตรมาส 2/65 อาจเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ และคาดกำไรจะอ่อนตัวลงในครึ่งหลังปี 65 ตามปัจจัยฤดูกาล กอปรกับอาจเห็นคำสั่งซื้อในประเทศอ่อนตัวลง หลังมีการเร่งสต็อกไปมากในไตรมาส 2/65 ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ยังมี 2 ปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลังคือ 1. บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ Carbonate Drink ในเดือน ส.ค. และเตรียม Presenter ทำการตลาดไว้แล้ว ซึ่งหากประสบความสำเร็จอาจช่วยหนุนรายได้ในครึ่งหลังปี 65 ให้ดีกว่าที่คาดก็เป็นได้ ส่วนสินค้ากลุ่ม CBD Drink ยังถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด จนกว่ากระแสของผู้บริโภคจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง และ 2. จากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับลง อาจทำให้แนวโน้มต้นทุนพลาสติกผ่อนคลายลงในระยะถัดไปได้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างกระตุ้นตลาดกัมพูชาอีกครั้ง หลังกลับมา Reopen หลังโควิดคลี่คลาย
ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ไว้ที่ 552 ล้านบาท เติบโต 0.9% เมื่อทียบจากปีก่อน และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตในปี 2566 ราว 14.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 633 ล้านบาท สำหรับประเด็นพม่า ไม่กระทบต่อบริษัท เพราะปัจจุบันไม่มีการขายไปในพม่าแล้ว ตลาดส่งออกหลักยังเป็นกัมพูชา ลาว และเริ่มมีการขายไปยังเกาหลีใต้เล็กน้อย ยังคงราคาเป้าหมายที่ 11 บาท อิง PE เดิม 25 เท่า