MAKRO ได้โลตัสส์หนุน
ตั้งแต่ MAKRO รวบกิจการโลตัสส์เข้ามาอยู่ในพอร์ต ก็มีพัฒนาการด้านการเติบโตทั้งในแง่รายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
คุณค่าบริษัท
ตั้งแต่บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO รวบกิจการโลตัสส์เข้ามาอยู่ในพอร์ต ก็มีพัฒนาการด้านการเติบโตทั้งในแง่รายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ดูได้จากผลการดำเนินในไตรมาสแรกปีนี้ที่โชว์กำไรสุทธิ 2,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,734 ล้านบาท และมีรายได้รวม 111,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 56,097 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 56,622 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจค้าปลีก 49,646 ล้านบาท
ขณะที่ แนวโน้มไตรมาส 2/2565 ถูกมองว่าจะเติบโตได้ต่อ โดยบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินจะมีกำไร 1,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,287 ล้านบาท เนื่องจากรวมธุรกิจโลตัสส์เข้ามา คาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 2-3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสาขามาเลเซียที่ดีขึ้นชดเชยไทยที่ยังลดลงเล็กน้อย
แต่ลดลง 8.9% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไร 2,050 ล้านบาท เนื่องจากกำไรโลตัสส์ลดลงจากโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้าน IT, การรีแบรนด์ (Rebranding) บวกกับ MAKRO ยังไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นทั้งหมด ทำให้มาร์จิ้นชะลอตัวจากไตรมาสก่อน
ขณะเดียวกัน MAKRO ฟื้นตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำ และจากการเปิดเมือง-เปิดประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาตามหัวเมืองท่องเที่ยวโซนภาคใต้และตะวันออก รวมถึงขายให้กับกลุ่ม HORECA (ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง) ได้มากขึ้น และการทยอยปรับราคาขายขึ้นส่งผลให้ SSSG เพิ่มขึ้น 7-8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit margin หรือ GPM) ดีขึ้นจากสัดส่วนยอดขายของสดเพิ่มขึ้น หักล้างกับ SG&A ที่สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายภาษีที่ดินฯ จ่ายเต็มจำนวน 100% (เป็นไตรมาสที่สอง) และค่าใช้จ่ายโครงการ Maknet
ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2565 คาดมีกำไร 3,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 3,021 ล้านบาท
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า MAKRO จะทำได้ตามที่คาดหวังหรือเปล่า..?
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MAKRO ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 26.26 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.19 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าดู P/BV ที่ระดับ 1.27 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.62 เท่า
…
รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 3,699,728,100 หุ้น 34.97%
- บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด 2,640,302,800 หุ้น 24.95%
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด 1,872,132,145 หุ้น 17.69%
- บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด 936,066,072 หุ้น 8.85%
- UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED – Client Account 101,718,300 หุ้น 0.96%
รายชื่อกรรมการ
- นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ
- นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ รองประธานกรรมการที่ 1
- นายธานินทร์ บูรณมานิต รองประธานกรรมการที่ 2, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- นายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ กรรมการ
- นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการ
- นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล กรรมการ
- นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการ
- นายประเสริฐ จารุพนิช กรรมการ
- นายณรงค์ เจียรวนนท์ กรรมการ
- นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ กรรมการ
- นายราล์ฟโรเบิรต ไทย์ กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
- นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม กรรมการอิสระ
- นายประสพสุข บุญเดช กรรมการอิสระ
- นางกรรณิการ์ งามโสภี กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
- นายจักร บุญ-หลง กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ