YONG ขาย “ไอพีโอ” เกลี้ยง 180 ล้านหุ้น ลุยเทรด mai 2 ส.ค.นี้

YONG ปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ 180 ล้านหุ้น ชูศักยภาพผู้ผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปครบวงจร ระดมทุนใช้ก่อสร้างโรงงาน ขยายกำลังการผลิต รับปัจจัยบวกตลาดอสังหาฯ ก่อสร้างฟื้นตัว พร้อมลงสนามเทรดวันแรก 2 ส.ค.นี้


นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ทำให้การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 450 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงงานที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้อง ใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนดังกล่าวภายในปี 2565 เพื่อรองรับการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะขยายธุรกิจทั้งในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตเดิม และการเปิดโรงงานการผลิตใหม่เพื่อเป็นการขยายฐานการผลิต รองรับความต้องการลูกค้ารับภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่กลับมาฟื้นตัวชัดเจน และสนับสนุนการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ

โดยประเมินว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังมีช่องทางการเติบโตอีกมาก และยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะกลุ่มเสาเข็ม เสาไฟฟ้า รั้วโครงการ เป็นต้น ซึ่งบริษัทเรามีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่หลากหลายครบวงจร รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การจองซื้อหุ้น IPO ของ YONG จำนวน 180 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ วันที่ 21-22 และ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเกินกว่าจำนวนที่จัดสรร สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจ และแผนการเติบโตที่ชัดเจน อีกทั้งการกำหนดราคาไอพีโอที่ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 26.10 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 2 สิงหาคม 2565 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายคือ “YONG” เข้าเทรดในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

โดยปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน มองว่ามาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ YONG ทั้งในด้านผลการดำเนินงาน และโอกาสการเติบโตในอนาคต จากพอร์ตลูกค้าและผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่หลากหลายครบวงจร มีโรงงานครอบคลุมและแข็งแกร่งในพื้นที่โซนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงจากการลงทุนในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ และการขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นโอกาสมากขึ้น และด้วยความพร้อมในเรื่องของฐานเงินทุน ทำให้มั่นใจว่า ในอนาคต YONG จะสามารถเติบโตในระยะยาว

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ YONG กล่าวว่า YONG ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้ เนื่องจาก YONG เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปครบวงจร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “YONG” และรับผลิตตามความต้องการของลูกค้า ได้แก่ 1.โครงสร้าง คาน เสาและผนังสำเร็จรูป รั้วคอนกรีตสำเร็จรูป เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ขอบคันหิน ท่อคอนกรีตอัดแรง และแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จ เป็นต้น 2.ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ โดยมีบริษัท พร้อมขนส่ง จำกัด (PT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า

โดยสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าโครงการภาคเอกชนอยู่ที่ 34.81%  กลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐ 3.43% และกลุ่มลูกค้าทั่วไป 61.76% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐบาลและการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยสนับสนุนบรรยากาศงานก่อสร้างในประเทศให้คึกคักขึ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะสนับสนุนให้บริษัทฯ พร้อมขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการของลูกค้า ทำให้มองว่า YONG มีแนวโน้มเติบโตแบบ Growth Stock สอดรับกับการฟื้นตัวในภาพรวมของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ

ด้านผลการดำเนินงานของ YONG ในไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 240.14 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปี 2564 อยู่ที่ 240.47 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 19.35 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิ 8.06% ถือว่าความสามารถในการทำกำไรยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม และปีนี้มั่นใจเป้าหมายการเติบโตของรายได้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15%

Back to top button