“กรีนชู” 161 ล้านหุ้น เอาไม่อยู่! TLI ไหลต่อ 3%

“กรีนชู” เอาไม่อยู่! TLI ไหลต่อ 3% ฟาก “บล.ภัทร” เผยหากตลาดเริ่มคงที่จะเข้าไปใส่ออเดอร์ที่ราคา 15.90 - 15.80 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ก.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ณ เวลา 11:21 น. อยู่ที่ระดับ 15.40 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 3.14% สูงสุดที่ระดับ 16.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น TLI ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจากจำนวนหุ้นที่ตั้งใจจะเสนอขาย IPO ให้แก่นักลงทุน (กรีนชู) ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวาณิชธนกิจและตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น TLI เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีกลไกที่รักษาระดับราคาหุ้นผ่าน “หุ้นกรีนชู” ในการพยุงราคาหุ้น TLI อยู่กว่า 161 ล้านหุ้น เพื่อใช้พยุงราคาเป็นเวลา 30 วัน หรือจนถึงวันที่ 23 ส.ค. โดยต้องพิจารณาสภาวะตลาดหุ้นไทยถ้าบางวันที่สภาวะตลาดแย่มาก ๆ และเห็นแรงขายที่มาก จะปล่อยให้ราคาลงต่ำกว่า 16 บาท เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปพยุง

อย่างไรก็ดี หากในวันที่สภาวะตลาดเริ่มคงที่จะเข้าไปใส่ออเดอร์ที่ราคา 15.80-15.90 บาท

นายอนุวัฒน์ กล่าวอีกว่า นักลงทุนสถาบันที่จองซื้อไอพีโอและได้รับจัดสรรไม่ครบ ตอนนี้ทางฝ่ายขายกำลังติดต่อเพื่อสอบถามว่าจะลงทุนในตลาดเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด หากตลาดแย่มากก็อาจจะช่วยได้ลำบาก แต่เชื่อว่าสภาวะตลาดที่แกว่งไซด์เวย์ บางวันปรับตัวขึ้นบางวันย่อตัวลงก็น่าจะมีโอกาสประคับประคองราคาหุ้นไปได้

“ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ นักลงทุนจะมองกลับมาหาหุ้นที่ปัจจัยแข็งแกร่ง และทนทานผลกระทบภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์จากการลงทุนจากเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น และมีช่องทางขายผ่านตัวแทนที่แข็งแกร่ง ที่ขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตระยะยาวที่มีอัตรากำไรดี” นายอนุวัฒน์ กล่าว

ด้าน นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท เมื่อหุ้น TLI ซึ่งเป็นหุ้น IPO ในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้ไทยประกันชีวิตสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำ และดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้ คือการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่มิติใหม่ รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพอันแข็งแกร่งรองรับการเติบโตในอนาคต

สำหรับการกำหนด Business Purpose สู่การเป็น Life Solutions Provider มุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อสร้างความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (LifeEvent) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของคนไทย

ขณะที่ แผนการใช้เงินระดมทุนนั้น หลัก ๆ เพื่อใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยเน้นลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และส่งเสริมการตลาดผ่านนวัตกรรมและโซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน

นายวิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า อยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงพื้นฐานของธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับคนไทยมีความสนใจในการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น บริษัทได้มีการปรับการขายผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นและไม่ได้การันตีผลตอบแทนให้กับลูกค้าเหมือนในอดีต รวมถึงขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันเพื่อสุขภาพและประกันควบการลงทุน หรือยูนิตลิงก์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ไม่อิงกับดอกเบี้ยให้เพิ่มมากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวให้มาร์จิ้นในระดับที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป

Back to top button