“หุ้นเอเชีย” เขียวสลับแดง! ฮั่งเส็งร่วงกว่า 100 จุด เหตุดอกเบี้ยขาขึ้นกดดันตลาด

“หุ้นเอเชีย” เขียวสลับแดง! ฮั่งเส็งร่วงกว่า 100 จุด กดดันจากแบงก์ชาติ "ฮ่องกง"ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% วานนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวในแดนแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้(29 ก.ค.65) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

โดย ณ เวลา  8.47 น. ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,915.48 จุด เพิ่มขึ้น 100 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ณ เวลา  8.47 น.อยู่ที่ 14,991.76 จุด บวก 0.99 จุด หรือ 0.67%,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลี ณ เวลา  9.07 น.อยู่ที่ 2455.67จุด บวก 20.40 จุด หรือ 0.84% ,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ณ เวลา  8.52 น. อยู่ที่ 3,285.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.08%

ขณะที่ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ณ เวลา  8.52 น. อยู่ที่ 20,503.49 จุด ลดลง 119.19 จุด หรือ -0.58% โดยดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางฮ่องกงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% วานนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มการเงินปรับตัวลงวานนี้ หลังนายเอ็ดดี้ หยู ซีอีโอของธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) คาดว่า อัตราดอกเบี้ยในฮ่องกงจะปรับตัวขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้นมาก

โดยวานนี้(28ก.ค.65) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,529.63 จุด พุ่งขึ้น 332.04 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,072.43 จุด เพิ่มขึ้น 48.82 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,162.59 จุด เพิ่มขึ้น 130.17 จุด หรือ +1.08%

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ประจำไตรมาส 2 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัว 0.9% หลังจากที่หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่ GDP หดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย “ทางเทคนิค”

ทั้งนี้ การที่ GDP สหรัฐหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสและเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณครั้งล่าสุดว่าเฟดจะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

Back to top button