ม.หอการค้าฯ คาด “วันแม่” ใช้จ่ายสะพัด 10,000 ลบ. สะท้อน ศก.ฟื้นตัว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,288 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-3 สิงหาคม 2565 เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ ปี 2565 คาดว่าจะสร้างเงินสะพัดกว่า 10,883.32 ล้านบาท หรือขยายตัวกว่า 9% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 5.7% โดยเงินจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็น กิจกรรมอื่นๆ 10,012.65 ล้านบาท และใช้เพื่อการท่องเที่ยว 870.67 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ประชาชนเริ่มกลับมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลมากขึ้น นั้น กว่า 69.8% มองว่าเป็นวันพิเศษ 13.9% คาดว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น และ 12.7% มีรายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับกิจกรรมส่วนใหญ่จะพาแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน ใช้เงินเฉลี่ย 1,880 บาท/ไปทำบุญ เฉลี่ยประมาณ 1,541 บาท และพาไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งแบบไม่ค้างคืน ประมาณ 4,900 บาท ส่วนแบบค้างคืน ใช้จ่ายมากกว่า 10,000 บาท นอกจากนี้ยังเตรียมซื้อของขวัญ ทั้งทองคำ และเงินสด รวมไปถึงนำพวงมาลัย/ดอกไม้ และเครื่องดื่มบำรุงร่างกายเพื่อไหว้แม่

นายธนวรรธน์ ยังมองว่าการที่ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพืชผลเกษตรสูงขึ้น จึงส่งผลให้การจับจ่ายช่วงวันแม่ มีมุมมองบวกมากขึ้น ทำให้มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันแม่เพิ่มขึ้นเป็น 10,883.32 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวของภาวะการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล และเชื่อว่าเป็นภาวะและทิศทางของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจเริ่มขยายตัว สอดคล้องกับภาครัฐที่มองว่า ยอดขายรถยนต์ หรือยอดขายบ้าน ปรับตัวดีขึ้น บวกกับการส่งออกขยายตัวได้ดี ซึ่งทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดการณ์ว่าภาคการส่งออกในปี 2565 จะเติบโตอยู่ในกรอบ 5-8% รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวดีขึ้น เทียบได้จากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาจากต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วกว่า 3 ล้านคน และตลอดทั้งปี 2565 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย 8-10 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวดีขึ้น