“ดาวโจนส์” ปิดพุ่งกว่า 400 จุด รับ “เงินเฟ้อ” ชะลอ-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่ม
“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 424.38 จุด แตะ 33,761.05 จุด ขานรับ “เงินเฟ้อ” ชะลอ-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (12 ส.ค.65) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณเงินเฟ้อที่ลดลง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าภาวะตลาดกระทิงอาจจะดำเนินต่อไป ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,761.05 จุด เพิ่มขึ้น 424.38 จุด หรือ +1.27%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,280.15 จุด เพิ่มขึ้น 72.88 จุด หรือ +1.73%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,047.19 จุด เพิ่มขึ้น 267.27 จุด หรือ +2.09%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.92%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.25% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.8% โดยดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq บวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564
โดยหุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.4% และทะยานขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐอาจแตะระดับสูงสุดแล้วในเดือนก.ค. และการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ผู้บริโภคได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลดแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค. ขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.0% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.2% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และสำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 3.0% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 2.9% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว
โดยบรรดานักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. และเพิ่มคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งต่างบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 36.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ทั้งนี้นักลงทุนจะจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในเดือนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ส.ค. ในหัวข้อ “Reassessing Constraints on the Economy and Policy”
โดยการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่ไฮไลต์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้คาดว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงในเดือนก.ค.