ขึ้นไม่กลัว..แต่กลัวลง
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยโดนกระหน่ำขายแบบหนัก ๆ จนดัชนีทรุดฮวบฮาบ แต่หลังจากนั้นเริ่มตีกลับขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะร่วงผล็อยลงไปอีกรอบ
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยโดนกระหน่ำขายแบบหนัก ๆ จนดัชนีทรุดฮวบฮาบ แต่หลังจากนั้นเริ่มตีกลับขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะร่วงผล็อยลงไปอีกรอบ “โมนิก้า” มักได้ยินนักเล่นพูดเป็นประจำว่า ตลาดหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว จนเข้าเขตซื้อมากเกินไป จึงน่าจะถึงรอบของการขายทำกำไร เพื่อทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่โหมดของการปรับสมดุล และรอเวลาที่จะเทกตัวขึ้นรอบใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้อยู่เต็มอกนะจะบอกให้
งานนี้ถึงเป็นที่มาของวลีเด็ดที่ว่า “ขึ้นไม่กลัว แต่กลัวลง” เพราะนักเล่นไม่กล้าคัทลอสหุ้นที่ถืออยู่ จึงต้องทนดูราคาหุ้นไหลลงไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ต้องตัดใจขายหุ้นทิ้งในที่สุด “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับทบทวนตัวเองอีกทีว่า “ถนัดเล่นสั้น” หรือ “ถนัดเล่นยาว” เพราะบริบทของเรื่องราวดังกล่าวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลให้ยุทธวิธีในการเล่นเป็นคนละแบบอย่างสิ้นเชิงไงละคะ
ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงมองว่า การอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,636.07 จุด ลบไป 3.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.66 หมื่นล้านบาท ไม่น่ากลัวสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะยาว เพราะในช่วงที่เหลือของปี 65 ยังมีสตอรี่เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจคอยอยู่ ผสานกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ มองเหมือนกันว่า ไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จึงมีเรื่องให้บรรดาขาเทรดได้ลุ้นกันสนุกสุดเหวี่ยงพะยะค่ะ
ส่วนรายที่ลุ้นไม่ขึ้นอย่างหุ้น CHG ก็เป็นอะไรที่น่าหนักใจสำหรับคนที่ถือหุ้นตัวนี้ เพราะหุ้นเอาแต่มุดหัวลงรูทุกครั้งที่ขึ้นแรงได้ไม่กี่วัน แถมเมื่อมองย้อนกลับไปยังราคาในกระดานช่วงต้นไตรมาส 2 เคยยืนในระดับ 4.10 บาท แต่วันนี้ราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 3.76 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 308 ล้านบาท จึงกลายเป็นเกมที่นักเล่นต้องตัดสินใจว่า “ถือต่อ” หรือ “ขายทิ้ง” แบบนี้..มันถึงเวลาที่ต้องคิดให้ดีเจ้าค่ะ
สำหรับรายที่กล้อมแกล้มพอที่จะ “เคาะซ้าย เคาะขวา” เพื่อเพิ่มความมันในชีวิต “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นบันเทิงเริงรำอย่าง MAJOR เพื่อชี้ให้เห็นโมเมนตัมการเคลื่อนตัวตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ก็อยู่ในระดับ 18-22 บาท จึงไม่ควรคาดหวังอะไรที่มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่งระเบิดเถิดเทิงคงมีแค่หนังฟอร์มยักษ์ทำเงินมหาศาล และการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 19.60 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วจ้า!
ในเมื่อมาแนวทางเลือกใหม่ ๆ “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้นโทนี่กระต๊าก STARK เพราะเมื่อดูตามเนื้อผ้าจะเห็นว่า ผลงานสุดรัญจวน และยังมีสตอรี่เด็ดให้เห็นเป็นระยะ เดี๊ยนถึงมองกำไรที่โตต่อเนื่องจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาหุ้นขึ้นสวย ๆ จึงไม่กังวลกับการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.16 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 170 ล้านบาท เพราะแนวรับ 4 บาทยังทำหน้าที่ได้ดี..ไม่เชื่อลองถามไอบีคนเก่งอย่าง “น้องนัท” ก็ได้..อิอิอิ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเม้าท์ถึงหุ้น DITTO เพื่อชี้ให้แฟนคลับได้เห็นว่า การเบ่งกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเที่ยวนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะสิ่งที่ทุกคนกำลังจะได้เห็นในอนาคต มันยิ่งใหญ่กว่าที่เห็นในตอนนี้เสียอีก เดี๊ยนถึงเชื่อว่า พีอีของหุ้นจะลดลงเป็นลำดับ และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 59.50 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาท น่าจะเป็นการเทกตัวขึ้นรอบใหม่เจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ BE8 ก็อยู่ในข่ายที่เป็น “หุ้นทรงสวย แวลูสูง” จึงมั่นใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่า หุ้นจะไปต่อยาว ๆ แบบไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อดูจากโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง “ไซเบอร์ ซิเคียวริตี้” จึงกลายเป็นช็อตที่ได้ดูกันยาวอย่างแน่นอน และการยืนปิดที่ระดับ 58.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135 ล้านบาท ก็เหมาะต่อการเล่นตามน้ำ..งานนี้หากต้องการรู้รายละเอียดลึก ๆ ก็ไปฟังการสัมภาษณ์เฮีย “อภิเษก” ในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ในวันจันทร์หน้าเวลา 9.30 น. แล้วกันนะคะ
อีกรายที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเจ้าคอนเทนต์อย่างหุ้น BBIK ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับบริษัทระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง แถมการเติบโตในอนาคตจะมาจากในประเทศและต่างประเทศ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายเกิน 100 บาทกันทั้งนั้น และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 86.50 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท น่าจะชี้ชัดว่า “กล้าได้ กลัวอด” นะตัวเอง