ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิด (12 พ.ย.) ที่ 372.56 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,782.63 จุด ร่วงลง 125.24 จุด หรือ -1.15%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,856.65 จุด ลดลง 95.86 จุด หรือ -1.94% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,178.68 จุด ร่วงลง 118.52 จุด หรือ -1.88%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรออกจากนโยบายที่กำหนดให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ 0% เนื่องจากนโยบายดังกล่าวได้บรรลุผลส่วนใหญ่ตามที่ต้องการแล้ว
นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า อัตราว่างงานของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 5% ในขณะนี้ ถือว่าแทบไม่แตกต่างจากค่ากลางในการประเมินของเฟดในระยะยาวที่ระดับ 4.9% นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังได้แสดงความต้องการที่จะกลับไปสู่นโยบายดุลยภาพที่เฟดใช้ในระหว่างปี 1984-2007 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินที่ดี และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในปัจจุบัน
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้สกัดปัจจัยบวกจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเดือนหน้าเพื่อผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น หากมีความจำเป็น
หุ้นเรพซอล ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด หุ้น RWE ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของเยอรมนี ดิ่งลง 9.6%, หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์ ร่วงลง 20% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินปรับตัวลดลง