น้ำมันดิบปิดร่วงหลังสต็อกสหรัฐฯพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิด (12 พ.ย.) ที่ 41.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.75 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ระดับ 44.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย. พุ่งขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบ พุ่งขึ้น 2.24 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 55.3 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ดังกล่าว เพิ่มขึ้น 25,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.185 ล้านบาร์เรล/วัน

สำหรับเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 6.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 486.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล

ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในวันที่ 4 ธ.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่ของโอเปกส่งสัญญาณว่า จะไม่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการผลิต โดยระบุว่า การปรับลดการผลิตจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด

Back to top button