NCL มั่นใจรายได้ปี 65 โตแกร่ง เล็งลงทุนธุรกิจใหม่ ต่อยอดขนส่งโลจิสติกส์
NCL ส่งซิกครึ่งปีหลังโตต่อ หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้น เผยอยู่ระหว่างมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ ต่อยอดขนส่งโลจิสติกส์ เพิ่มฐานรายได้และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ มั่นใจรายได้ปี 65 โตแกร่ง
นายพงษ์เทพ วิชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL คาดว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น ประกอบกับค่าระวางเรือยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นรายได้ในปีนี้จึงมีโอกาสเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 1,923.89 ล้านบาท
“ตามเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการเพิ่มฐานรายได้และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ จึงพยายามมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต เพื่อมาต่อยอดธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในหลายๆ โปรเจค รวมทั้ง ธุรกิจ Digital Content ที่จะช่วยสนับสนุนและเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ภาพธุรกิจของของ NCL ในอนาคตเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายพงษ์เทพ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/65 มีรายได้รวมอยู่ที่ 571.9 ล้านบาท ส่วน 6 เดือนแรกสิ้นสุดมิถุนายน 2565 มีรายได้อยู่ที่ 1,161.3 ล้านบาท โดยในไตรมาสดังกล่าวรายได้ยังคงเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากความต้องการใช้บริการที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการหารายได้ใหม่ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากธุรกิจโกดังเก็บสินค้า ธุรกิจดิจิทัลและการรับงานโครงการมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกให้ได้มากที่สุด
สำหรับธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย 1. ธุรกิจบริการขนส่งครบวงจร (Freight Forwarder) 2. ธุรกิจบริการตู้และขนส่งแบบไม่เต็มตู้ (NVOCC) 3. ธุรกิจบริการขนส่งทางบกและโกดังสินค้า (Land and Warehouse) และ 4. ธุรกิจอื่นๆ (การขายน้ำยาฟอกไต ซึ่งบริษัทถือหุ้นร้อยละ 52.8 ของบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด)
“ภายหลังจากที่มีการซื้อขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวนรวม 62,404,245 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.81 ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเปลี่ยนแปลง โดยตนเองขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ NCL แทนนายกิตติ พัวถาวรสกุล ที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 และบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3” นายพงษ์เทพ กล่าว
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงานและโครงสร้างการจัดการของบริษัท แต่อย่างใด บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นทางเลือกแรกและทางเลือกที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าของบริษัท เพื่อเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ คือการเป็นมืออาชีพในการช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าให้มากที่สุด
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (24 ส.ค.65) บริษัทได้จัดตั้งบริษัท โกลเด้น ซัพพลาย จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเพื่อจัดซื้อจัดหา และธุรกิจ Fulfillment ด้วยทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท จำนวน 100,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท