เขย่าก่อนดัน
ทุกครั้งที่ “โมนิก้า” เห็นตลาดหุ้นไทยมีการเขย่าหุ้นแบบเบา ๆ ก่อนจะทุบหนัก ๆ มักจะเห็นดัชนีถีบตัวขึ้นทำยอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมเป็นประจำ
ทุกครั้งที่ “โมนิก้า” เห็นตลาดหุ้นไทยมีการเขย่าหุ้นแบบเบา ๆ ก่อนจะทุบหนัก ๆ มักจะเห็นดัชนีถีบตัวขึ้นทำยอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมเป็นประจำ แต่หลังจากนั้นจะย่อตัวลงมาใกล้กับฐานหลักรอบก่อน ๆ ที่ใช้เป็นจุดเด้งเป็นประจำ เดี๊ยนถึงพยายามย้ำกับแฟนคลับเป็นประจำว่า ทุกแนวต้านสำคัญที่ดัชนีพยายามจะฝ่าขึ้นไป มักต้องเผชิญแรงขายแบบจัดเต็มทุกครั้งไปไงละคะ
ตรงนี้แหละที่เป็นไฮไลท์ของขาลุยที่ชอบเล่นหุ้นโดยอิงกับสัญญาณเทคนิค เพราะทำให้รู้ว่า ต้องไปรอช้อนหุ้นตรงบริเวณไหน? และการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,644.78 จุด บวกไป 1.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.87 หมื่นล้านบาท และยังไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 1,650 จุดขึ้นไปได้ พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ double top ให้เห็นอีกครั้งแบบนี้..มันหมายความว่า คนที่ขายก่อนได้เปรียบพะยะค่ะ
เนื่องจากโอกาสที่ดัชนีจะ “ไปต่อ” กับ “หมดรอบ” มันพอกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นการขึ้นลงของหุ้นในแต่ละรอบมันมีตัวแปรที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายอย่าง จึงขึ้นอยู่กับว่า นักเล่นเชื่อเรื่องไหนมากกว่ากัน? เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันอยู่ที่ว่า แทงถูกข้างหรือเปล่า? เดี๊ยนจึงขอแชร์เรื่องราวต่าง ๆ เพื่อให้แฟนคลับไปคิดดูว่า จังหวะนี้เหมาะต่อการ “ลุย” หรือ “ถอย” มากกว่ากันเจ้าค่ะ
โดยเฉพาะการกลับเข้ามาไล่ราคาหุ้น U หลังจากร่วงมาตั้งแต่ต้นปี มันเป็นเกมที่ต้องเดาให้ออกว่า เที่ยวนี้จะเล่นยาวแค่ไหน? เพราะการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.36 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 11.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 339 ล้านบาท พร้อมกับสตอรี่ “เทิร์นอะราวด์” มันเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือสุด ๆ แถมอยู่ในข่ายหุ้นต่ำสิบที่ขาลุยทั่วสารทิศพร้อมเข้ามาเล่นเก็งกำไร จึงเป็นช็อตที่ต้องติดตามดูกันต่อไปจ้า!
เช่นเดียวกับในรายของหุ้น SUPER ก็ถูกดันขึ้นมาเล่นรอบใหม่ หลังจากโดนรินขายต่อเนื่องร่วมครึ่งปี “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.76 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106 ล้านบาท มันเป็นจังหวะ follow buy สำหรับพวกใจถึงพึ่งได้ เพราะเที่ยวนี้มาพร้อมกับโปรเจกต์โรงไฟฟ้าใหม่อีกพันเมกฯ ผสานกับหุ้นเทรดบนพีอี 13 เท่า จึงมีอัพไซด์ให้เล่นกันแบบจุก ๆ นะจ๊ะ
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นเกม AS ก็ถูกทุบลงจากไฮเดิมที่เคยทำไว้บริเวณ 27.50 บาท จนลงมาทำโลว์ที่บริเวณ 11.90 บาท แต่หลังจากนั้นก็ไต่เพดานขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมาปิดที่ระดับ 18.30 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอเดาว่า น่าจะเกิดจากประเด็นกำไรฟื้นตัว ผสานกับหุ้นเทรดบนพีอีที่ค่อนข้างถูก จึงกลายเป็นหุ้นที่น่าซัดกันยาวเจ้าค่ะ
ส่วนกรณีของหุ้น XPG อาจแตกต่างจากเจ้าอื่น ๆ เพราะรายนี้มาด้วยขาใหญ่แทบทุกครั้ง “โมนิก้า” ถึงมองไม่ออกว่า เมื่อไหร่ที่บริษัทจะกลับมาทำกำไรแบบบูรณาการ เพราะสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นแค่เพียงลมปาก ผนวกกับตลาดคริปโตก็อยู่ในช่วงของการถดถอย จึงไม่เชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.75 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 226 ล้านบาท ก็คงเป็นแค่ลากออกของเหมือนที่ผ่านมานะจ๊ะ
ประเด็นนี้ทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นกับหุ้น MVP ก็มีการพูดกันในทำนอง “เสี่ย.ส” กำลังเจรจาขายหุ้นให้กับหลานคนใหญ่คนโตกัมพูชา ซึ่งหลายคนก็สงสัยกันว่า หลานนักการเมืองกัมพูชาที่มาในคราบกองทุนกำลังคิดจะทำอะไร? เพราะถ้ามองจากธุรกิจอีเวนต์ก็ไม่ได้ทำเงินมหาศาล จึงทำให้การพุ่งขึ้นไปถึง 4.90 บาท ต่อจากนั้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.48 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 242 ล้านบาทจึงชวนสงสัยเหลือเกินจ้า
สำหรับประเด็นที่หุ้น PSG โดนถล่มอย่างหนักหน่วง จนราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.35 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 961 ล้านบาท ก็เป็นเหตุการณ์ธรรมดาของหุ้นที่มาด้วยสตอรี่เทิร์นอะราวด์ ซึ่งระหว่างนี้กำลังรอลุ้นกำไรไตรมาส 3 จะทำได้ขนาดไหน? จึงมีการเขย่าหุ้นเพื่อพิสูจน์คนร่วมอุดมการณ์มีเยอะไหม? ซึ่งเปิดช่องให้ขาลุยเล่นรอบกันแบบสุดซอยไงละจ๊ะ