“สยามพิวรรธน์” ขายหุ้นกู้ 4 พันลบ.หมดเกลี้ยง ลุยขยายเข้าสู่ธุรกิจ New Economy
“สยามพิวรรธน์” ขายหุ้นกู้ 4 พันลบ.หมดเกลี้ยงจิทัล ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน เล็งนำเงินระดมทุนต่อสัญญาเช่าที่ดิน “OneSiam” พร้อมขยายธุรกิจเข้าสู่ New Economy บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม วางแผนลงทุนบริหารอสังหาริมทรัพย์ใน 1-3 ปี
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ฯ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งและขอขอบพระคุณนักลงทุนทุกท่านที่กรุณาให้ความไว้วางใจ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเงินจากการระดมทุนบางส่วนไปชำระการต่อสัญญาเช่าที่ดินบริเวณ OneSiam ซึ่งเป็นทำเลทองของกรุงเทพมหานครทุกยุคทุกสมัย พร้อมเดินหน้าพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจหลัก
อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจผ่าน Ecosystem ที่ร่วมกับบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายเข้าสู่ New Economy หลายรูปแบบบนดิจิทัลแพลตฟอร์มที่จะเชื่อมธุรกิจศูนย์การค้าเข้ากับธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อให้ธุรกิจโดยรวมของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ อีกทั้งมีแผนจะขยายธุรกิจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในอีก 1-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย
โดยตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ปรับแผนกลยุทธ์การตลาดและการขายในทุกแพลตฟอร์ม เดินหน้าโครงการใหม่ๆ นับตั้งแต่การเปิดตัว สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ในปี 2563 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากลูกค้าเกินความคาดหมาย ในปี 2564 เปิดตัว “ONESIAM SuperApp” โดยจับมือ 50 พันธมิตรจาก 13 อุตสาหกรรม เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจดิจิทัล และในปี 2565 เตรียมเปิดโครงการไอคอนสยาม เฟส 2 ที่จะทำให้ไอคอนสยามเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบเพื่อเตรียมต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก
ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 2565 มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัททำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่ในทุกแพลตฟอร์มส่งผลให้ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และได้รับแรงหนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นมา
โดยผลประกอบการของสยามพิวรรธน์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ทุกศูนย์การค้าของบริษัทมียอดรายได้รวมสูงกว่า 6 เดือนแรกของปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งยอดผู้เข้าใช้บริการ (traffic) ของทุกศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ถึงแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่ามากก็ตาม สินค้ากลุ่มลักซ์ซูรี่แบรนด์ยังคงมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าของสยามพิวรรธน์ที่มีพลังจับจ่ายใช้สอย และเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งของความเข้มแข็งของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก สามารถก้าวข้ามทุกวิกฤตการณ์และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลากว่า 63 ปี
“ความสำเร็จจากการเสนอขาย Perpetual Bond นี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ความไว้วางใจของนักลงทุนที่มีต่อสยามพิวรรธน์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นลูกค้าผู้ใช้บริการเป็นประจำอยู่แล้ว สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรในการสร้าง ecosystem ที่เป็น sharing economy ให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท และความไว้วางใจในศักยภาพขององค์กรที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต ด้วยฝีมือของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน โดยสยามพิวรรธน์จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ สานต่อความสำเร็จทางธุรกิจเพื่อเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน” นางชฎาทิพ กล่าว