พาราสาวะถี
นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ก.ต.ช. เคาะเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 13 ถือเป็นงานที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายเก้าอี้ใหญ่ของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.
นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. เคาะเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 13 ถือเป็นงานที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายเก้าอี้ใหญ่ของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักหน้า หรือไม่เป็นไปตามโผที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้วางตัวไว้ก่อนหน้านี้ “บิ๊กเด่น” พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ได้รับความไว้วางใจให้กุมบังเหียนวงการสีกากีโดยมติเอกฉันท์จากที่ประชุม ก.ต.ช.
สำหรับว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่นั้น งานที่โดดเด่น คือ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะเข้ามาตอบสนองแนวทางการดูแลความมั่นคงทางไซเบอร์ให้กับรัฐบาล ถ้าไม่มีเป้าประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง บิ๊กเด่นจะเป็นผู้ที่เข้ามาดูแล ป้องกันและปราบปรามภัยในยุคดิจิทัลให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี จากนี้ก็เหลือโผของนายพลทุกเหล่าทัพที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของน้องเล็กในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วว่า หน้าตาจะออกมาแบบไหน
ฟังจากปากของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในวันที่ไปเปิดงานนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “มีกำลังใจดีอยู่แล้ว” ตีความตามคำพูดก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทุกครั้งที่แสดงท่วงทำนองเช่นนี้ สุดท้ายมักจะตามมาด้วยอาการวีนแตกเมื่อถูกผู้สื่อข่าวรุกถามในเรื่องสำคัญ ๆ หนนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน แม้จะมีหัวโขนในฐานะรัฐมนตรีแต่ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจสูงสุดเหมือนที่ผ่านมา ย่อมเกิดความหงุดหงิดในหัวใจเป็นธรรมดา
ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ยังรักกันดีกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. คงไม่มีอะไรน่ากังวล แต่สถานการณ์ทางการเมืองนับแต่เกิดปรากฏการณ์ ธรรมนัส พรหมเผ่า ดับเครื่องชนจนกลายเป็นความบาดหมาง ร้าวลึกมาถึงทุกวันนี้ ทุกท่วงท่า ทุกย่างก้าวที่พี่ใหญ่ขยับจึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ก็มีพวกปฏิบัติการณ์ไอโอคอยปล่อยข่าวดิสเครดิต เพื่อส่งสัญญาณให้พี่ใหญ่ระมัดระวังในการใช้อำนาจเต็มของนายกฯ อยู่ตลอดเวลา อันเป็นภาพสะท้อนที่เด่นชัดถึงความไม่ไว้วางใจกันเหมือนเดิม
แม้กระทั่งเป็นการยุบสภา ที่ทั้ง กกต. และ วิษณุ เครืองาม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันไม่มีเหตุที่จะนำไปสู่จุดนั้น เพื่อทำให้เกิดความยุ่งยากในเมื่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมืองยังไม่แล้วเสร็จ เช่นเดียวกันเรื่องการปรับ ครม. หลังจากที่ กนกวรรณ วิลาวัลย์ ถูกสั่งพักให้ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ถ้าไม่มีการลาออกจากตำแหน่งคงไม่เป็นเหตุให้ต้องเขย่า แต่ยังมีอีกหนึ่งรัฐมนตรีที่รอการชี้ชะตากรรมนั่นก็คือ นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยจากประชาธิปัตย์
ถ้าปัจจัยแวดล้อมมันเอื้อต่อการใช้อำนาจเต็มในฐานะรักษาการนายกฯ ก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จะใช้ความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาหรือไม่ ยิ่งเป็นปัญหาที่ว่าด้วยตำแหน่งในรัฐบาล หากมีการขยับในช่วงที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่ได้กลับเข้ามาสู่ตำแหน่ง ถือเป็นความท้าทาย ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่าตำแหน่งรัฐมนตรี 2 เก้าอี้ที่หายไป จนกลายเป็นปมแตกหักของพี่ใหญ่กับน้องเล็กนั้น จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสอันดีแล้วที่พี่ใหญ่จะได้สะสาง
การทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เที่ยวนี้ นอกเหนือจากงานของฝ่ายบริหารที่จะต้องแสดงศักยภาพเป็นการลองงานเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังจะเป็นจังหวะของการเช็กความพร้อมทางการเมืองทั้งด้านจำนวนคนที่ยังภักดีและไปต่อกับพรรคสืบทอดอำนาจ รวมไปถึงการสร้างสัมพันธ์ สานไมตรีไปยังพรรคการเมืองอื่น ๆ ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่พวกเดียวกันอาจจะอึดอัดหน่อย เพราะต่างฝ่ายต่างก็จ้องที่จะตกปลาในบ่อเพื่อนกันอุตลุด
ภาพจำของการเป็นคนที่เอาแต่ตอบคำถามไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่มีอะไร มันเป็นเพียงลีลาทางการเมืองที่เจ้าตัวเลือกที่จะใช้เท่านั้น แต่ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ก็มีความแหลมคมไม่แพ้ใครเหมือนกัน นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำให้พี่น้องขัดขาแตกคอกันเอง เพราะพี่ใหญ่มองเห็นว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบัน และมองไปถึงอนาคต จะต้องไม่บ่มเพาะศัตรูทางการเมือง แต่น้องเล็กและขบวนการสืบทอดอำนาจมั่นใจสุดขีดว่ากลไกที่วางไว้ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกรงใจหรือเกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
มันจึงทำให้เกิดภาพของความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 กทม. เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนถึงเลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง แม้กระทั่งผลเลือกตั้งนายก อบจ.ที่กาฬสินธุ์ล่าสุด เหล่านี้คือกระจกเงาที่สะท้อนความเป็นจริงว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรในทางการเมือง ทว่าน้องเล็กและพวกกองเชียร์ไม่ลืมหูไม่ลืมตายังไม่สำเหนียก จึงเกิดการปล่อยข่าวทำลายฝ่ายตรงข้ามไม่ลดละเหมือนที่เกิดขึ้นกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หลายครั้งหลายหน
ไม่ใช่เพราะผู้ว่าฯ กทม. ไร้ชนักปักหลังเพียงอย่างเดียว หากแต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เล่นด้วย ไม่ตอบรับกับไอโอที่เคยใช้สำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้ นั่นจึงทำให้พี่ใหญ่ต้องปรับเปลี่ยนท่าที รวมไปถึงการต่อสายถึงชัชชาติล่าสุดไม่ใช่แค่เอาอกเอาใจคนกรุงเทพฯ หากแต่เป็นการเดินเกมทางการเมืองที่จะต้องเชื่อมสัมพันธ์กับทุกพรรค รวมไปถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดสร้างสามัคคีให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีแค่วาทกรรมแต่เบื้องหลังสร้างความขัดแย้งเพื่อตัวเองจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป
ด้วยจังหวะเคลื่อนแบบนี้ มันจึงทำให้ฝ่ายที่ต้องการจะให้มีการลากยาวการวินิจฉัยปมปัญหาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในชั้นขององค์กรอิสระออกไป เพื่อจะชัวร์ในเรื่องของมติที่จะออกมา ต้องหันกลับมาทบทวนกันหนัก เพราะยิ่งอยู่นานมันยิ่งจะทำให้พี่ใหญ่มีพลังและสร้างฐานอำนาจได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็สั่งทีมงานไว้ว่าอย่าสนใจจะรักษาการนายกฯ นานแค่ไหน แต่ต้องคำนึงว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและบ้านเมืองเป็นอย่างไร ต้องรีบทำงาน ทำให้เต็มที่ให้เห็นผล เท่านี้ก็เป็นการตอกย้ำแล้วว่ากว่า 8 ปีที่น้องเล็กกุมอำนาจในมือนั้นประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลว