DTAC ยังร่วงแรงเกือบ 9% หลายโบรกฯแนะขาย มองสถานการณ์เริ่มแย่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ณ เวลา 14.46 น.อยู่ที่ 51.25 บาท ลบ 4.75 บาท หรือ 8.48% มูลค่าการซื้อขาย  652.61 ล้านบาท  โดยเปิดตลาดที่ 55 บาท ต่ำสุดที่ 51 บาท สูงสุดที่ 55 บาท

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์(13 พ.ย.) ปรับลดคำแนะนำ DTAC เป็นขาย มูลค่าหุ้นใหม่ที่รวมคลื่น 900 MHz  (คาดค่าประมูลจะอยู่ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท) จะอยู่ที่ราว  45-46 บาท  ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาด

และหากพิจารณาสภาพคล่องทางการเงิน DTAC อยู่ที่  55,000 ล้านบาท (CFO 25,000  ล้านบาท) ขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่  0.96 เท่า และ 0.44 เท่า ส่วน DTAC ที่ 0.94

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์(13 พ.ย.) DTAC อยู่ในสถานการที่แย่ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ 900MHz โดยหากไม่ชนะจะเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างรุนแรง หากชนะน่าจะได้มาด้วยต้นทุนสูงมากที่ลดมูลค่าปัจจุบัน แนะนำขาย DTAC (DCF 58.50 – มีโอกาสปรับลงอีกสูง)

ปัจจุบัน DTAC อยู่ในสถานการณ์ที่ 1) สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดต่อเนื่อง จากการที่ network data สู้คู่แข่งไม่ได้ (perception data ยังอยู่อันดับที่ 3 และยังคงไม่หยุดเสียส่วนแบ่งการตลาด) และ 2) มีต้นทุน OPEX ที่สำคัญที่สุดของอุตสหากรรม คือ ค่า regulatory cost to service revenue ex. IC สูงที่สุด เพราะยังมีคลื่นบนระบบสัมปทานถึงปี 2561 ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งมาก (regulatory cost กลายเป็นภาระแทนที่จะหนุนกำไร)

หาก DTAC ไม่ชนะการประมูล 900MHz สิ่งที่จะตามมาคือ 1) การสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดที่รวดเร็วขึ้น (เพราะคู่แข่งมีคลื่นมาทำ 4G ทำให้เก่งขึ้น และในขณะที่ตัว DTAC ยังมี network ไม่แข็งแรง) 2) regulatory cost จะลดลงช้า 3) DTAC จะกลายเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ไม่มีคลื่นความถี่สั้น ที่มีต้นทุน regulatory ต่ำ และมีอายุยาว ในมือเลย ซึ่งจะทำให้เสียเปรียบคู่แข่งมากในการลงทุนเพื่อเพิ่มคุณภาพที่ต่างจังหวัด และ 4) หาก DTAC จะลงทุนเพิ่มเพื่อต่อสู้ จะต้องกลับไปลงทุนในคลื่นสัมปทาน ซึ่งสุดท้าย asset จะต้องคืนให้กับรัฐ และเงินลงทุนจะถูกตัดค่าเสื่อมเร็ว เพราะมีอายุถึงปี 2561 บนเหตุผลทั้งหมด DTAC จำเป็นต้องได้ 900MHz