AWS เคาะราคาไอพีโอ 2 บ. ประเดิมเทรด “LiVEx” ตัวแรก 9 ก.ย.นี้

“แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส” หรือ AWS เคาะราคาไอพีโอ 2 บ. เปิดจอง 1-2 และ 5 ก.ย.65 ประเดิมเทรด “LiVEx” ตัวแรก 9 ก.ย.65 จะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “AWS22” ตั้ง บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ระดมเงินนำขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการเติบโตในอนาคต


บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AWS หุ้นตัวแรกที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นการทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 2 บาท/หุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 1-2 และ 5 ก.ย.65 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาด LiVEx วันที่ 9 เดือน 9 ชื่อย่อหลักทรัพย์ AWS22 พร้อมทั้งแต่งตั้ง บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO

นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AWS กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสัญชาติไทย ออกแบบ และพัฒนาระบบ Online Platform โดยทีมงานภายในองค์กรเองทั้งหมด มากกว่า 15 ปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน Digital Technology ของลูกค้าแบบครบวงจร

ทั้งนี้จากประสบการณ์ในธุรกิจ ได้สร้างสรรค์ เครื่องมือทางดิจิทัล และให้บริการกับลูกค้าผู้ประกอบการ องค์กรธุรกิจ ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) และขนาดเล็ก (SME) ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมด้วยทีมบุคลากรมากประสบการณ์และมีความชำนาญการร่วมพัฒนาออกแบบระบบเพื่อให้ผู้ประกอบการ หน่วยงานหรือองค์กร นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้งานในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานรองรับโอกาสเติบโตในอนาคต ภายใต้แนวคิด “SIMPLIFY YOUR BUSINESS”

ด้วยศักยภาพการเติบโตของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีมาก ใน 2 ปีที่ผ่านมาแม้จะเจอกับสถานการณ์โควิด-19 แต่ผลการดำเนินงานปี 63-64 มีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งกำไรและรายได้จากการขายและให้บริการ โดยปี 64 เติบโตจากปี 63 อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 14.67% จาก 4.33% และอัตรากำไรขั้นต้น 35.51% เพิ่มขึ้นจาก 23.74% อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 15.43%

ทั้งนี้จากการโรดโชว์ที่ผ่านมามีนักลงทุนตอบรับและให้ความสนใจค่อนข้างมาก แสดงความต้องการจองซื้อหุ้น AWS22 เนื่องจากมั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ และจะเป็นหุ้นคุณภาพที่ประเดิมตลาด LiVEx เป็นบริษัทแรก ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดจำนวนหุ้นที่จะเสนอขาย IPO เป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.67% ของหุ้นทั้งหมดภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นครั้งนี้จำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.5 บาท/หุ้น

โดยบริษัทมองว่ามูลค่าหุ้นที่เสนอขายหุ้นละ 2 บาท ถือเป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยวัตถุประสงค์การระดมทุนในการขายหุ้น IPO บริษัทจะนำเงินไปขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับการพัฒนา Cloud Service platform ต่างๆ และ Network Security System เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น สามารถบริการแก่ลูกค้าได้ง่าย สะดวกรวดเร็วและ ปลอดภัย,  ใช้ในการพัฒนา product และ service เช่น พัฒนาระบบ Balance Blockchain, ,พัฒนาระบบตั๋วบล็อคเชน (Ticketing on Blockchain) พร้อมยื่นจดสิทธิบัตรเพิ่มเติม  ขยายงานขายและการตลาด รวมถึงการความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน และ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างมั่งคงต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจในอนาคตจะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกไกล จากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น โดยจะนำเงินไปขยายและต่อยอดธุรกิจ New S-Curve ของบริษัทต่อไปในอนาคต ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น เป็นการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เป็นบริษัทแรก ตลอดจนสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน

“ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เรายังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในปี 63-64 เพราะบริษัทเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไว้ตอบโจทย์ลูกค้า ส่วนทิศทางของผลประกอบการในปี 65 นี้ มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน เพราะจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ทำให้หลายธุรกิจฟื้นตัว เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจรีเทรล ซึ่งเราสามารถเข้าไปให้บริการด้านดิจิทัลต่าง ๆ ได้” นายวิโรจน์ กล่าว

ขณะที่นางสาวบุษราภรณ์ จันทร์ชูเชิด รองกรรมการผู้จัดการ บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันจะมีความผันผวน แต่ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการที่ AWS22 จะเข้าซื้อขายในกระดาน LiVEx ในช่วงนี้ เนื่องจากผู้ลงทุนในกระดานดังกล่าวจะมีเกณฑ์กำหนดไว้อยู่แล้ว 4 ประเภท คือ ผู้ลงทุนสถาบัน, ผู้ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการลงทุน,บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และ ผู้ลงทุนรายใหญ่หรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ ซึ่งจากการโรดโชว์ที่ผ่านมาพบว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่หรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ

Back to top button