JTS ดีดแรง 19% ลุ้น JAS อัดฉีดงบขยายธุรกิจ หลังขาย 3BB-JASIF ให้เอไอเอส
JTS เด้ง 19% จับตา JAS อัดฉีดงบขยายธุรกิจ หลังขาย 3BB-JASIF ให้เอไอเอส และคาดนักลงทุนซื้อกลับหลังเข้าเขตขายมากเกินไป โดยราคาหุ้นร่วงกว่า 85%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ณ เวลา 11:44 น. อยู่ที่ระดับ 85.75 บาท บวก 13.75 บาท หรือ 19.10% สูงสุดที่ระดับ 92.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 74.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365.65 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นบนกระดาน JTS ดีดกลับ คาดว่า นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรหลังก่อนหน้าราคาร่วงลงจากที่ขึ้นไปทำนิวไฮเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 65 ที่ระดับ 594 บาท แล้วอ่อนตัวลงมาต่อเนื่องจนหลุด 100 บาท ช่วงดังกล่าวเกิดจากหลายปัจจัยกดดัน อาทิ การที่บริษัทเข้าไปลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความผันผวนตลอดเวลา โดยราคาเหรียญบิตคอยน์เคยล่วงลงต่ำกว่า 20,000 เหรียญนิวโลว์เกือบ 2 ปี จึงส่งผลให้ราคาหุ้นล่วงลงตามทิศทางกระดานคริปโตฯ
อย่างไรก็ดีมีประเด็นที่ JAS ดำเนินเรื่องจะขาย 3BB-JASIF โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้ทำการประเมินถึงข้อดีและข้อเสียของการทำธุรกรรมครั้งนี้ สำหรับข้อดีหากทำราย คือ สามารถรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนได้ทันที, มีเงินทุนเพื่อไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ, ลดภาระการจัดหาเงินในการชำระหนี้สินที่จะครบกำหนด และการรักษาสัดส่วนทางการเงินตามสัญญาเงินกู้ (Covenant) และสัญญากับ JASIF แต่มีข้อเสียคือ จะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงเข้าข่ายการถูกพิจารณาเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากการไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนตามบันทึกข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับกสทช.
ทั้งนี้หากไม่เข้าทำรายการดังกล่าว จะมีข้อดีคือ ไม่มีความเสี่ยงที่อาจเข้าข่ายการถูกเพิกถอนหลักทรัพย์จากการเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยสาเหตุจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของรายได้และสินทรัพย์ และมีข้อเสียคือ อาจมีปัญหาจากภาระหนี้สิน ต้นทุนทางการเงิน และการรักษาสัดส่วนทางการเงินตามสัญญาเงินกู้ และสัญญากับ JASIF
สำหรับก่อนหน้านี้ได้มีแหล่งข่าวจาก JAS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ภายหลังการขายในกลุ่ม TTTBB ออกไปแล้ว JAS จะมามุ่งเน้นปั้นธุรกิจของ JTS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS ต่อไป ในการดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin mining) ธุรกิจโซลาร์ (solar) และแบตเตอรี่ (battery), คลาวด์ (cloud), เทคโนโลยี AI และ Internet of Things หรือ IoT รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น blockchain, web3.0, metaverse และ medical tech
ทั้งนี้ เนื่องจากหลังการทำธุรกรรมขายธุรกิจ TTTBB และขาย JASIF ออกไป บริษัทจะได้เงินทุนมาประมาณ 32,400 ล้านบาท ทำให้ทางกลุ่ม JAS มีความแข็งแรงทางด้านกระแสเงินสด (Cash Flow) และสามารถเลือกหาธุรกิจที่เหมาะสมในการขยายงานต่อยอดไปได้อย่างสบาย ๆ
ส่วนกระแสเงินสดที่ได้มาดังกล่าว บริษัทจะนำมาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นหรือไม่นั้น ต้องรอให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง หลังทำธุรกรรมเสร็จเรียบร้อยในช่วงประมาณไตรมาส 1/66
ขณะเดียวกันราคาหุ้น JTS ร่วงลงกว่า 85% เป็นที่น่าจับตามองว่าราคาหุ้นจะสามารถกลับมายืนเหนือ 100 บาทได้หรือไม่หลังมีการไล่ซื้อเก็บในวันนี้ ประกอบกับสัญญาณเทคนิคที่อ่อนตัวลงมาจนทำให้เข้าเขต Oversold ลงต่ำกว่าระดับ 30% แสดงว่าราคาหุ้นเกิดภาวะที่ขายมากเกินไป ดังนั้นระดับดังกล่าวจึงเป็นจุดที่นักลงทุนเข้าเก็บหุ้นส่งผลให้ราคาดีดกลับขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง