SSP ส่งซิกครึ่งปีหลังโตต่อ ลุย M&A ขยายโรงไฟฟ้า มั่นใจปีนี้โตเกิน 30%

SSP ส่งซิกครึ่งปีหลังโตต่อ รับไตรมาส 4/65 ไฮซีซั่น เดินหน้าใช้กลยุทธ์ M&A หรือขายบางโครงการนำเงินทุนกลับมาใช้ลงทุนในโครงการใหม่ มั่นใจปีนี้โตเกิน 30%


นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 6 กันยายน 65 ว่า งวดไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 644.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 404.5 ล้านบาท หรือ 168.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรพิเศษในไตรมาส 2/65 จากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำไร 348.4 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 2/65 ที่ 293.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% ขณะที่ EBITDA หลักจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 657.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนรายได้จากการขายไฟในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้คือ 1,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับกำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 589.7 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43.4 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน และโครงการใหม่ๆ โดยล่าสุดบริษัทได้ใช้เงินลงทุน 25 % ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมร่มเกล้าวินด์ฟาร์ม ทั้งนี้ไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากธุรกิจของ Biomass หรือ Wind ที่เริ่มเข้ามาช่วงไตรมาส 4/64

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพิจารณาอยู่ประมาณ 2-3 โครงการ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หนึ่งในนั้นคือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาชิตะเฟส2 หรือ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ราวไตรมาส 2/67 ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนทำการศึกษาและรอความชัดเจนจากภาครัฐของเวียดนาม ภายใต้แผนการพัฒนาพลังงานแห่งชาติ (PDP8)

นอกจากนี้ บริษัทยังมีอีกหนึ่งโครงการ Wind Farm กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม เป็นโครงการที่เตรียมพัฒนาในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ บริษัทยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในอินโดนีเซีย ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาการก่อสร้างประมาณ 20 เมกะวัตต์ และคาดว่าภายในปี 66 จะเพิ่มกำลังการผลิตไปถึง 100 เมกะวัตต์

โดยทิศทางผลประกอบการทั้งปี 65 บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าปีก่อน แม้ไตรมาส 3/65 จะเป็นช่วงโลซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ แต่เชื่อว่าจะมีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าใกล้เคียงกับไตรมาส 2/65 และช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังงานลมร่มเกล้าวินด์ฟาร์ม ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลงานปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมาย

สำหรับโอกาสในการลงทุนในอนาคต จะเป็นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีแหล่งเชื้อเพลิงที่หลากหลายมากขึ้น โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นในพื้นที่ภูมิภาคเอเชีย ทั้งไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ บริษัทนำกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการ (M&A) ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโครงการที่มองว่าเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ หรือการขายบางโครงการเพื่อผันเงินทุนกลับมาใช้ลงทุนในโครงการใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยภายในระยะเวลาอันใกล้นี้บริษัทมีแผนปรับแนวทางธุรกิจใหม่ ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ หรือเกี่ยวข้องกับงานที่กำลังทำอยู่ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้มากยิ่งขึ้น

Back to top button