FSSIA คัด 6 หุ้นรับอานิสงส์ “วิกฤตพลังงาน” ชู PTTEP-BANPU ท็อปพิก!
FSSIA ยกให้ PTTEP-BANPU เป็นหุ้นท็อปพิกสำหรับราคาพลังงานที่สูงขึ้น และมองว่า ESSO, TOP, SPRC และ BCP จะโดดเด่นจากราคาดีเซล-มาร์จิ้นที่สูงขึ้น
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ โดยยกการรายงานของรอยเตอร์ที่ระบุว่ารัฐมนตรีของ EU อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะตั้งเพดานราคาก๊าซสำหรับการค้าส่งหรือไม่ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัสเซียตัดการส่งก๊าซมายัง EU มาตรการนี้มีอยู่สองทางเลือก คือ 1) จำกัดราคาที่จ่ายสำหรับก๊าซที่นำเข้าจากรัสเซีย หรือ 2) เพิ่มระบบเพดานราคาที่แตกต่างไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับความหลากหลายของพลังงานในประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ FSSIA ระบุว่า ถึงแม้คลังน้ำมันของยุโรปจะสำรองน้ำมันไว้แล้ว 81.9% จากปริมาณที่กักเก็บได้สูงสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.65 ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดการที่คาดไว้ในวันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตามปริมาณดังกล่าวที่เก็บไว้จะเพียงพอต่อการใช้งานแค่ 50% ของความต้องการก๊าซทั้งหมดในหน้าหนาวปีนี้ อ้างอิงจากการใช้ก๊าซในปี 63/64 และปี 64/65
โดย FSSIA เชื่อว่าถึงแม้ประเทศใน EU จะเติมก๊าซเข้าคลังจนเต็ม แต่ยังจะเผชิญกับความเสี่ยงต่อการขาดแคลนก๊าซในหน้าหนาวที่จะถึงนี้อยู่ดี
นอกจากนั้นคาดการณ์ความต้องการก๊าซในปีนี้แม้จะปรับลดลง 15% เมื่อเทียบกับสองปีก่อนหน้า FSSIA ก็ยังเชื่อว่าจะไม่เพียงพออยู่ดี แม้ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ถ่านหิน ดีเซล หรือ LNG ก็ตาม
ทั้งนี้ FSSIA เชื่อว่าราคาก๊าซจะอ่อนตัวลงเพียงชั่วคราวหากมีมาตรการเพดานราคาจาก EU และจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการก๊าซที่ยังสูง และพลังงานอื่นๆที่นำมาทดแทนได้ เช่น ถ่านหิน และดีเซล ที่จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึง
โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าถ้านหินนิวคาสเซิลจะแตะ USD500/t ส่วนน้ำมันดิบ Brent จะแตะ USD120/bbl และก๊าซ Henry Hub จะแตะ USD10-11/mmbtu ภายในสิ้นปีนี้
พร้อมยกให้ PTTEP และ BANPU เป็นหุ้นท็อปพิกสำหรับราคาพลังงานที่สูงขึ้น และมองว่า ESSO, TOP, SPRC และ BCP จะโดดเด่นจากราคาดีเซล-มาร์จิ้นที่สูงขึ้น