กลับไปสู่สิงหาคมพลวัต2015
ข่าวร้ายจากปารีสในคืนวันศุกร์ตามเวลายุโรป เป็นเพียง 1 ในปัจจัยลบ ที่โถมกระหน่ำตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะปัจจัยลบอื่นๆ ที่รออยู่ข้างหน้ายังมีอยู่หลายระลอก
ข่าวร้ายจากปารีสในคืนวันศุกร์ตามเวลายุโรป เป็นเพียง 1 ในปัจจัยลบ ที่โถมกระหน่ำตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะปัจจัยลบอื่นๆ ที่รออยู่ข้างหน้ายังมีอยู่หลายระลอก
ราคาน้ำมันดิบที่ระดับใกล้หลุด 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กดดันหุ้นพลังงานรุนแรงต่อเนื่องอาจไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะการที่อิหร่านที่มีสำรองน้ำมันมากมายรอขายอยู่ ในขณะที่กำลังการผลิตของโอเปกที่อยู่ในระดับสูงสุดไม่มีเลิกรา หากยังดำเนินต่อไปหลังการประชุมโอเปกเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลกดดันให้ยากจะทำให้ราคาน้ำมันผงกหัวเป็นขาขึ้นระลอกใหม่ได้
การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแม้จะระวังอย่างมากว่าจะเพิ่มเพียงเล็กน้อยจะส่งสัญญาณต่อค่าดอลลาร์รุนแรงเสมอเหมือนทุกครั้งในอดีต ล่าสุด เจ พี มอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารที่ค้าเงินตรามากสุดรายหนึ่งของโลกประเมินว่า ค่าดอลลาร์จะวิ่งแรงไปจนถึง 6 เดือนหลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้
ค่าดอลลาร์ที่แข็งขึ้นต่อเนื่องจะทำให้การไหลออกของทุนเก็งกำไรในตลาดเกิดใหม่เป็นปรากฏการณ์ที่เลี่ยงไม่พ้น ส่งผลเสียหายต่อราคาหุ้นตลาดเกิดใหม่ชนิดที่ผลประกอบการที่โดดเด่นช่วยอะไร ไม่ได้มากนัก
ค่าดอลลาร์ที่แข็งจะถูกทำให้เกินจริงจากมาตรการ QEของยูโรโซนที่คาดว่าจะออกมาก่อนสิ้นเดือนธันวาคมนี้ แม้ว่าจะถูกถ่วงเอาไว้บางส่วนจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินหยวนที่จากนี้ไปจะ เริ่มเข้าคำนวณในตะกร้าเงินของไอเอ็มเอฟอย่างเป็นทางการ
ไม่เพียงเท่านั้นมาตรการของฝ่ายกำกับดูแลตลาดหุ้นจีน ที่ล่าสุดพยายามสร้างเสถียรภาพให้ตลาดด้วยการลดเงื่อนไขการเล่นหุ้นด้วย บัญชีมาร์จิ้นจากเดิม 200% ลดลงมาเหลือ 100% ซึ่งกดดันให้มูลค่าซื้อขายและแรงเหวี่ยงของตลาดหดแคบลงเป็นทิศทางที่แม้ส่ง ผลดีระยะยาวแต่เป็นผลเสียระยะสั้น
ความจริงแล้วหากแม้ไม่มีข่าวร้ายจากปารีส นักวิเคราะห์ตลาดทุนในสหรัฐก็มีมุมมองค่อนข้างใกล้เคียงกันว่า ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กโดยเฉพาะดาวโจนส์และ S&P500 ต่างก็มีแนวโน้มร่วงลงไปสู่สถานการณ์เมื่อสิ้นเดือนสิงหาคมที่ดาวโจนส์ร่วง หนักจากแรงเทขายทั่วกระดานด้วยเหตุผลหลายประการ คือ
1) ผลประกอบการไตรมาส 3/58 บริษัทส่วนใหญ่สหรัฐไม่น่าสนใจและต่ำกว่าคาด
2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมน้ำมันและทองคำยังคงร่วงต่อเนื่องจากอุปทานล้นเกินใน ตลาดและอุปสงค์จากจีนที่ลดลง
3) เศรษฐกิจจีนที่แม้จะไม่เลวร้าย แต่ก็ยังปรับฐานต่อเนื่องจากกำลังการผลิตล้นเกิน
4) การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ค่าดอลลาร์สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดเงินและตลาดทุนมหาศาลเนื่องจากการเคลื่อนย้ายทุนจำนวนมาก
แม้ว่ามุมมองในแง่ร้ายดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศลงทุนหดหู่รุนแรง ทั้งที่ข้อเท็จจริงที่ยังหาคนยืนยันไม่ได้ ยังคลุมเครือว่า ท้ายสุดแล้วดัชนีตลาดจะกลับสู่จุดต่ำเท่ากับปลายเดือนสิงหาคมหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือขาลงตลาดหุ้น มีความเป็นไปได้มากกว่าขาขึ้น
ตารางแสดงแนวโน้มขาลงของดัชนีS&P500
*****เนื้อหาตาราง
มุมมองเชิงลบดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขการจ่ายเงินซื้อสินค้าบริโภคช่วง ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ทั้งขายส่งขายปลีกมีทิศทางต่ำกว่าปีก่อนๆ สะท้อนความระมัดระวังในการจ่ายเงินของผู้บริโภคในไตรมาสที่ถือว่าดีที่สุดของปี
ความไม่แน่นอนต่ออนาคตทำให้มุมมองของนักวิเคราะห์ที่พยายามประคองตลาดเอา ไว้เริ่มมีท่าทีเป็นกลางอย่างเห็นได้ชัดเพราะการชี้แนะในเชิงๆ “แทงกั๊ก” มาก ขึ้น
สถานการณ์สัปดาห์นี้ หากจะมีสภาพเป็นห้วงเวลาที่อลหม่านสุดในการตัดสินใจลงทุนบริหารพอร์ตเก็งกำไร เพราะข่าวร้ายที่ประดังกันเข้ามาทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกของตลาด ยังบังเอิญมาประจวบเหมาะกัน ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ภาวะเช่นนี้ เงินสดคือพระเจ้า ยังคงเป็นหลักการคลาสสิกสำหรับนักลงทุน