CHOW ส่งซิกครึ่งปีหลังโตกระโดด จ่อซีโอดี “โซลาร์รูฟท็อป” เพิ่ม 22 MW -ออเดอร์เหล็กล้น
CHOW ยันครึ่งปีหลังโตกระโดด จ่อซีโอดี "โซลาร์รูฟท็อป" เพิ่ม 22 MW -ออเดอร์เหล็กแท่งยาวล้นคงเป้าปีนี้ 170,000 ตัน
นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด ( มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า บริษัทมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมากกว่าครึ่งปีแรก โดยที่จะมีปัจจัยหนุนต่อธุรกิจมาจากธุรกิจพลังงาน โดยที่จะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโซลาร์รูฟท็อปครัวเรือน เข้ามาเพิ่มอีก 22 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา โดยที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเดินหน้าทยอยติดตั้งและเชื่อมต่อระบบจ่ายไฟของโครงการโซลาร์รูปท็อปครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 70 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนธุรกิจหลักของบริษัท คือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) นั้นคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ในส่วนของ OEM คาดว่าจะสามารถมีการสั่งผลิต OEM จากลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีปริมาณ OEM ที่ 75,000 ตัน ซึ่งบริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณ OEM เหล็กแท่งยาวในปีนี้ไว้ที่ 170,000 ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ตัน ในปี 66 โดยที่บริษัทมองว่าความต้องการใช้เหล็กแท่งยาวคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเริ่มกลับมาทยอยลงทุนของผู้ประกอบการต่างๆ
ขณะที่ในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้งเหล็กแท่งยาวนั้นยังคงมีแรงกดดันจากปริมาณเหล็กและการแข่งขันราคาที่สูงในตลาด อีกทั้งความต้องการใช้เหล็กของตลาดในช่วงครึ่งปีแรกนั้นยังชะลอตัว ทำให้ปริมาณการขายเหล็กในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัททำได้เพียง 21,000 ตัน จากเป้าหมายที่ 115,000 ตัน ซึ่งบริษัทมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังปริมารการขายเหล็กยังคงเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง แต่อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย และในปี 66 ตั้งเป้าปริมาณการขายเหล็กไว้ที่ 280,000 ตัน
ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มหันมาในส่วนของธุรกิจพลังงานมากขึ้น หลังจากที่เทรนด์ของภาคเอกชนรายใหญ่หลายราย ให้ความสนใจใช้บริการของบริษัทในการติดตั้งโซลาร์ เพราะความไว้วางใจในประสบการณ์ที่บริษัทเคยทำงานมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ ด้วยบริการที่ครบวงจร และยังมีผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดมาแล้วอย่างกว้างขวาง ซึ่งบริษัทมีความพร้อมรองรับโอกาสทางธุรกิจเป็นอย่างดี ทั้งด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมืออุปกรณ์
รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และกระแสเงินสดที่พร้อมรองรับการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต ทำให้จากนี้เป็นต้นไปจะเห็นการเติบโตของธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจเหล็กจะเป็ยนธุรกิจ Cash Cow