OR จับมือ BBIK พัฒนาระบบ CRM บริหารแฟรนไชส์ “Café Amazon”
OR จับมือ BBIK พัฒนาระบบ CRM ยกระดับและสร้างมาตรฐานการให้บริการและบริหารจัดการระบบแฟรนไชส์ร้าน “Café Amazon” คาดเริ่มเห็นผลไตรมาส 2/66
นายสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ปัจจุบันโออาร์มีร้านคาเฟ่ อเมซอน กว่า 4,069 สาขาทั่วโลก ซึ่งเป็นร้านที่บริหารงานโดยระบบแฟรนไชส์กว่า 80% โออาร์มีเป้าหมายขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาและวางมาตรฐานการบริหารจัดการร้านคาเฟ่ อเมซอน เพื่อรองรับการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยบริการที่ได้มาตรฐาน โดยเชื่อว่าหากมีระบบ CRM ที่มีการจัดการความสัมพันธ์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้เหมาะสมกับธุรกิจ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
“โออาร์ ร่วมมือกับ บลูบิค ออกแบบและพัฒนาระบบ CRM ดูแลเรื่องการเชื่อมต่อระบบข้อมูลภายในระหว่าง โออาร์กับแฟรนไชส์ให้มีความสะดวก ง่ายต่อการใช้งาน และสนับสนุนระบบการทำงานของโออาร์ให้มีความพร้อม เพื่อเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของ Salesforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม CRM อันดับ 1 ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ โออาร์กับเจ้าของร้านแฟรนไชส์สามารถติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูลระหว่างกันได้ตรงจุดและตรงใจมากขึ้น
ตั้งแต่การแจ้งปัญหา การบริหารจัดการข้อมูลของร้านค้า การวางแผนล่วงหน้าเพื่อการจัดสต็อกสินค้าสำหรับหน้าเทศกาล การขาย การให้บริการ จนถึงส่วนงานทรัพยากรบุคคล จากเดิมที่ต้องผ่านตัวกลางอย่างผู้ดูแลพื้นที่แต่ละสาขา (Area Manager) ด้วยช่องทางการสื่อสารแอปพลิเคชันแชตในรูปแบบต่างๆ แต่จากนี้ไปจะมีระบบที่จะเชื่อมต่อการสื่อสารกับแฟรนไชส์ แต่ละรายที่เฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น ในอนาคตโออาร์สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อต่อยอดช่องทางการตลาด หรือออกโปรโมชันให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อีกด้วย” นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวต่อว่า โออาร์กับบลูบิคได้ร่วมกันพัฒนาและวางระบบ CRM ที่ใช้บริหารจัดการกับร้านค้า แฟรนไชส์มาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 โดยคาดว่าจะพัฒนาและสามารถใช้ดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2566 ซึ่งโซลูชัน CRM ที่ได้มีการนำมาประยุกต์ใช้จะครอบคลุมใน 3 ส่วนงาน ได้แก่
1) งานขาย ระบบ CRM จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายขาย ด้วยการแสดงข้อมูลภาพรวมยอดขายและปฏิทินโปรโมชันล่วงหน้าที่จะทำให้พนักงานสามารถวางแผนหรือจัดตารางการทำงาน รวมถึงแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติการที่ติดขัดอยู่ในกระบวนการขายได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งสามารถพัฒนาศักยภาพของงานขายได้ตรงจุดและรวดเร็วขึ้น
2) งานบริการ ระบบ CRM จะเข้ามาดูแลและบริการด้วยระบบการตอบรับของช่องทางต่างๆ ที่แฟรนไชส์สะดวก เช่น แอปพลิเคชันไลน์ (Line) อีเมล์ หรือพอร์ทัลแฟรนไชส์ เป็นต้น ซึ่งระบบจะทำการบันทึกและส่งต่อประเด็นให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา สำหรับนำไปปรับปรุงการให้บริการและงานขายให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของแฟรนไชส์มากขึ้น
3) การสื่อสารและการตลาด มาร์เก็ตติ้งคลาวด์และพอร์ทัลแฟรนไชส์ จะทำให้การสื่อสารระหว่างโออาร์กับ แฟรนไชส์แต่ละแห่งทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ที่สำคัญคือจะช่วยให้มีการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการเก็บบันทึกข้อมูลในอดีตที่สามารถกลับมาดูข้อมูลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ทำให้เอื้อต่อการทำงานของฝ่ายการตลาดที่ง่ายและสะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปทำกลยุทธ์การตลาดต่อไป
ด้านนายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง บลูบิค และ โออาร์ ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสององค์กร นอกจากจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอนแล้ว ยังแสดงถึงความรู้ความเชี่ยวชาญในระบบ CRM ของบริษัทฯ ที่มีบริการครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาและการดูแลระบบ โดยมีเป้าหมาย คือ การส่งมอบเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้แก่ลูกค้า
ทั้งนี้ ล่าสุด บลูบิค ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Salesforce ประเทศไทย ด้วยการเลือกใช้โซลูชัน Salesforce มาผนวกเข้ากับองค์ความรู้ ความเข้าใจในภาคธุรกิจ และเทคโนโลยี เพื่อออกแบบและพัฒนาแนวทางการใช้งานให้เหมาะสมและตรงความต้องการใช้งานของลูกค้าเฉพาะราย ที่จะช่วยยกระดับการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริการที่ปรึกษาด้าน CRM ของบลูบิคจะมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องสามารถเชื่อมต่อการทำงานกับระบบเดิมที่มีอยู่อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยบลูบิคยังให้ความสำคัญกับประเด็นการรักษาความปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหลักอีกด้วย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group