หุ้นต่ำสิบสายซิ่ง

ในเมื่อตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากเฟดอัดยาแรงด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบเต็มแม็กซ์ ก็ไม่มีเหตุผลที่ “โมนิก้า” ต้องนั่งเฝ้าหุ้นบลูชิพตลอดทั้งวัน


ในเมื่อตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากเฟดอัดยาแรงด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบเต็มแม็กซ์ ก็ไม่มีเหตุผลที่ “โมนิก้า” ต้องนั่งเฝ้าหุ้นบลูชิพตลอดทั้งวัน เพราะรู้อยู่เต็มอกตูม ๆ ว่า หุ้นกลุ่มนี้มีแววโดนขายหนักอีกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในยามที่ภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจของประเทศอ่อนแอ จึงไม่มีทางที่หุ้นเหล่านี้จะโงหัวขึ้นอย่างบูรณาการ และกลายเป็นหุ้นที่เล่นยากสุดในภาวะแบบนี้เจ้าค่ะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ดัชนียังคงต้วมเตี้ยมต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีตัวชี้นำเป็นตลาดหุ้นต่างประเทศ และถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในช่วงต้น ก.ย. ที่ดัชนีพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 1,620 จุด จนช่วงกลางเดือนขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,670 จุด ล้วนเกิดจากแรงส่งตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งนั้น! ขณะที่การร่วงลงของดัชนีในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นต่างประเทศเช่นกันไงละคะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,633.45 จุด ลบไป 5.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.01 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นแค่การรอวันที่ความกังวลดังกล่าวปะทุขึ้นมาอีกครั้ง “โมนิก้า” จึงปลีกตัวไปดู “หุ้นต่ำสิบ” เพื่อความบันเทิงเริงใจดีกว่า เพราะหุ้นเหล่านั้นล้วนอยู่ในกลุ่ม “สายซิ่ง” ซึ่งมีเจ้ามือหลายกลุ่มเป็นคนคอยจุดพลุ และยังมีการยกสตอรี่ต่าง ๆ มาบิ้วอารมณ์แบบนี้..เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า ลุกทีหลังจ่ายรอบวงนะตัวเอง

โดยเฉพาะในรายของหุ้น U ซึ่งเซียนหุ้นรับรู้กันมานานแล้วว่า ขาใหญ่คับคั่ง! แถมปีที่แล้วก็ลากราคาหุ้นกันแบบดุดัน และที่เรียกเสียงฮือฮาสุดคงเป็นการทุ่มหมื่นล้าน เพื่อเข้าถือหุ้น JMART กับ SINGER ซึ่งเป็นการหาทางรอดให้กับชีวิต และในปีนี้คงเริ่มเก็บเกี่ยวดอกผลที่หว่านไว้ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นไปถึง 1.60 บาท แต่สุดท้ายกลับดิ่งลงมาปิดที่ 1.51 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 201 ล้านบาท มันคือการส่งสัญญาณว่า เตรียมดัน!..จริงไหม เฮีย ค. ..อิอิอิ

ส่วนรายที่เริ่มเล่นใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างอีหนูซ่า NUSA ยังคงเป็นทีเด็ดสำหรับสายซิ่งอีกเช่นเคย เพียงแต่สถานการณ์ในวันนี้แตกต่างจากวันก่อน เพราะสตอรี่เรื่องโรงไฟฟ้าของ “วินด์ฯ” ก็รับรู้ไปหมดแล้ว ส่วนสตอรี่ที่เกี่ยวโปรเจกต์ “เฮลท์แคร์” ก็รับรู้ไปหมดแล้วเช่นกัน “โมนิก้า” จึงขอเดาเกมเที่ยวนี้น่าจะเป็นการโชว์ผลงาน เพื่อให้เข้าสตอรี่ที่เคยปูทางไว้ว่า “เทิร์นอะราวด์” วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.20 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138 ล้านบาทแบบนี้..เฮีย ป. พาเพลินรับประกันคุณภาพอีกแล้วค่ะท่าน

สำหรับหุ้นที่มีเจ้าที่แรง จนไม่มีใครกล้าแหยม ยกเว้นก๊วนตัวเองเป็นคนดัน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นขยะอย่าง BWG ซึ่งอยู่ในสังกัดของ “เจ๊สีฟ้า” กันดีกว่า! เพราะทุกครั้งที่ราคาหุ้นเริ่มขยับ มักมีเสียงร่ำลือถึงเจ๊คนนี้เป็นประจำ  เดี๊ยนถึงมองการขยับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.82 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท มันชวนสงสัยเหลือเกิน แต่เรื่องจริงจะเป็นเหมือนที่เม้าท์ไหม?..น้องโมมิอาจรู้ได้ค่ะ

คล้ายกับกรณีของหุ้นรับเหมา WGE ก็พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง จนดูเหมือนจะไปต่อยาว ๆ แถมมีการเม้าท์ถึงผลงานต่อจากนี้จะออกมาดี ส่งผลให้หุ้นวิ่งขึ้นไปทำราคาสูงสุดของวันที่ระดับ 1.87 บาท แต่หลังจากนั้นกลับรูดลงอย่างรวดเร็ว ๆ ก่อนจะปิดที่ระดับ 1.59 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 8.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท กลายเป็นภาพบาดตาที่ทำให้เดี๊ยนนึกถึงภาพวันวานก็เคยเป็นแบบนี้ และก็ลงไปนอนหงายท้องที่ระดับ 1.45 บาทเจ้าค่ะ

หากนักเล่นยังรู้สึกหุ้นที่เม้าท์ถึงยังจัดจ้านไม่พอเหมือนที่ตั้งใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้เหลียวมองหุ้น MONO เพื่อเป็นทางเลือกให้กับสายฮาร์ดคอร์ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.79 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 7.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 488 ล้านบาท เหมือนเป็นการเด้งรับอนาคตของบริษัทจะเข้าไปอยู่ใต้ร่มชายคาของค่ายมือถือสีเขียว และจะผันตัวเองไปเป็นคนป้อนคอนเทนต์กระมัง!..จริงเท็จแค่ไหนไม่รู้! แต่ขอไล่ราคากันไว้ก่อนนะคะ

ตบท้ายกันที่หุ้น CHIC เพื่อความเร้าใจกันสักหน่อย เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.04 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 11.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 651 ล้านบาท มันมาพร้อมกับเสียงร่ำลือถึงแก๊งวีไอ ภายใต้การคอนโทรลของ อจ.พ อย่างอื้ออึง ผนวกกับมีเรื่องของผลงานไตรมาส 3 เป็นตัวบิ้วอารมณ์ เดี๊ยนถึงมองว่า วันนี้ซัดกันมันหยดติ๋ง ๆ แน่นอน เพราะแม่น้ำหลายสายไหลมารวมกัน จึงน่าจะมีเฮกันอีกหลายยกพะยะค่ะ

Back to top button