3 หุ้นสื่อ วิ่ง! ขานรับ “รัฐ” ผลักดัน “ซอฟต์พาวเวอร์”

3 หุ้นสื่อ วิ่ง! ขานรับ “ภาครัฐ” อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 65 งบกลางประมาณ 212.102 ลบ. ผลักดัน “ซอฟต์พาวเวอร์” หนุนผู้ประกอบการกลุ่มสื่อที่มีความสามารถสร้างคอนเท้นท์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (22 ก.ย.65) เริ่มเห็นการดีดตัวของราคาหุ้นกลุ่มสื่ออย่าง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ณ เวลา 11:16 น. ราคาหุ้นขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 19.70 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.55% สูงสุดที่ระดับ 19.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.38 ล้านบาท

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ราคาหุ้นดีดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 11.50 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.88% สูงสุดที่ระดับ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2 ล้านบาท

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ราคาหุ้นดีดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 10.90 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.93% สูงสุดที่ระดับ 11.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.33 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นข้างต้นปรับตัวขึ้นเป็นการวิ่งสอดรับข่าว ครม. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 65 งบกลาง 212.102 ล้านบาท ในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการ “สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศ” ในราชอาณาจักร จำนวน 6 เรื่อง

ทั้งนี้สอดคล้องกับทาง บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังมองบวกต่อผู้ประกอบการในกลุ่มสื่อเริ่มตอบรับกระแสผลักดัน Soft Power ของรัฐฯ อาทิ เช่น ONEE, BEC, WORK อีกทั้ง GRAMMY ที่เล็งตั้งค่ายเพลงใหม่สร้างเพลงไทยให้ไปสู่ระดับสากล

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะผู้ประกอบการกลุ่มสื่อที่มีความสามารถสร้างคอนเท้นท์ดำเนินธุรกิจในแนวทางเดียวกัน ลุ้นเป็น Upside ใหม่ๆ กับกลุ่มสื่อเพิ่มเติมจาก การปรับวิธีวัด Rating, การนำคอนเท้นท์ Cross Platform ระหว่าง Streming กับ Free TV

ด้าน นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 งบกลาง 212.102 ล้านบาท ในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการ “สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศ” ในราชอาณาจักร จำนวน 6 เรื่อง

โดยมีการของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ และ ดำเนินการถ่ายทำเสร็จในช่วงปี 2564 เป็น “ภาพยนตร์” จาก สหรัฐฯ 4 เรื่อง ฝรั่งเศส 1 เรื่อง และสิงคโปร์ 1 เรื่อง ทั้งหมดมีกำหนดฉายภายในปี 2565 การถ่ายทำทั้ง 6 เรื่อง มีการนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย 1,193.84 ล้านบาท มีการ จ้างงาน ทีมงาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง 12,000 คน ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจอัตราทวีคูณ รวม 2,384 ล้านบาท

สืบเนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2560 โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้สร้างภาพยนตร์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ในรูปแบบการคืนเงินร้อยละ 15-20

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เริ่มโครงการ ได้มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยแล้ว 43 เรื่อง เกิดรายได้หมุนเวียนในเศรษฐกิจประมาณ 8,560 ล้านบาท ดำเนินการคืนเงิน Cash Rebate แก่ผู้ประกอบการแล้ว 22 เรื่อง รวม 541.497 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศและคุ้มค่า โดยเงินลงทุนสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดได้กระจ่ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำทั่วประเทศ

Back to top button