“เอเชีย” ทยอยคลายล็อก “ไทย-ญี่ปุ่น” นำร่องรับ “นักท่องเที่ยว” เต็มสูบ! หนุนการบิน-โรงแรม
“เอเชีย” ทยอยคลายล็อก “ไทย-ญี่ปุ่น” นำร่องรับ “นักท่องเที่ยว” เต็มสูบ ต.ค.นี้ หนุนการบิน-โรงแรมเด่น ชู ERW-CENTEL-VRANDA-AWC-AOT-BA-AAV ลุ้นบ่ายนี้วิ่งต่อ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์ที่มีมุมมองบวกต่อกรณีการเดินหน้าเปิดเมืองของไทย และหลายประเทศฝั่งเอเซียทยอยผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศต่อเนื่องทั้ง ญี่ปุ่น,ไต้หวัน,ฮ่องกง ในเดือนตุลาคมนี้ โดยปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว โดยเฉพาะหุ้นโรงแรมและการบิน รวมถึงหุ้นในกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ ดังบทวิเคราห์ระบุไว้ดังนี้
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 ก.ย.65) ว่า การลงทุนช่วงนี้ต้องติดตามประเด็น 1.กระแสการเดินหน้าเปิดประเทศในหลายประเทศฝั่งเอเซีย เริ่มจากฝั่งญี่ปุ่น ล่าสุดนายกรัฐมนตรีประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 11 ต.ค.นี้ ฟรี VISA นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมคนไทย” และไม่มีจำกัดจำนวนคนเข้าประเทศ ถัดมาคือ ฮ่องกงและไต้หวัน เตรียมผ่อนคลายมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวคาดเริ่มเดือน ต.ค.
เช่นเดียวกับไทยทยอยผ่อนคลายทางเดียวกันคือ โดยวันนี้ “ศบค.” เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ 1.) หากติดโควิดไม่มีอาการ ไม่ต้องกักตัวแล้ว เพียงใส่แมสก์ ล้างมือ และเว้นระยะห่าง 5 วันแทน โดยประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการฉีดวัดซีนโควิด-19 ครอบคลุมมากกว่า 82% ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวก่อนเข้าประเทศ ยกเลิกแสดงเอกสารวัคซีน หรือผลตรวจ ATK และเสนอเปิดผับตี 4 หนุนท่องเที่ยวโดยรวม
โดยบล.กสิกรไทยประเมินมาตรการดังกล่าวจะเป็นบวกต่อกลุ่มเปิดเมือง (Commerce, Media,Mass transit, Gas station, F&B, Bank, Finance) และที่ประชุม ศบค.มีการออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศใหม่ๆ มองเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน
ทั้งนี้แนะนำธีมการลงทุนที่มีปัจจัยบวกการเปิดประเทศของญี่ปุ่น,ฮ่องกง,ไต้หวัน และไทย คาดจะมี Sentiment บวก AOT, AAV, BA, AWC, ERW, EKH โดยหุ้น Top pick ในกลุ่มท่องเที่ยวคือ AWC และ ERW
บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 ก.ย.65) ว่า ประเมินตลาดยังแรงหนุนจากภาพเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่มีแรงหนุนต่อเนื่อง ทั้งการยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ที่จะมีการพิจารณายกเลิกที่ประชุม ศบค. วันนี้ และการทยอยผ่อนคลายมาตรการเดินทางประเทศในแถบเอเชียต่อเนื่องทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง
ทั้งนี้คาดเป็นแรงส่งต่อมาหุ้นกลุ่มโรงแรมและการบิน รวมถึงหุ้นในกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ โดยกลุ่ม Consumer อิงความต้องการในประเทศ ได้แก่ ADVANC, TIDLOR, INTUCH, DTAC, CPALL, MAKRO, HMPRO, KTC, SNNP, BEC, ONEE, ICHI ส่วนกลุ่มโรงแรมและการบิน ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, AWC, AOT, BA, AAV
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 ก.ย.65) ว่า วานนี้(22ก.ย.) เจแปนไทมส์ รายงานว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวระหว่างเดินทางไปนครนิวยอร์กเพื่อร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวฟรีวีซ่า ให้เข้าไปเที่ยวได้เองไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ และยกเลิกการจำกัดจำนวน 50,000 คนต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม เป็นต้นไป
โดยดาโอมองเป็นบวกจากการที่ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ และหนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และปริมาณการบริโภคในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น โดยประเมินว่าหุ้นที่จะ outperform จากข่าวดังกล่าวมากสุด ได้แก่ AOT, AAV, BAFS และ GFPT
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จะช่วยให้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวมาก ทั้งนี้ในช่วงก่อนที่มีการระบาดโควิด-19 AOT จะมีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเที่ยวบินจากญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากจีน, อินเดีย และเกาหลีใต้ และคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินญี่ปุ่นราว 5% จากรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ดังนั้นจากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปกติงวดปี 65 ขาดทุนที่ 1.0 หมื่นล้านบาท (ดีขึ้นจากงวดปี 64 ที่ขาดทุน 1.5 หมื่นล้านบาท)
โดยแนวโน้มไตรมาส 4 งวดปี 65 จะขาดทุนลดลงต่อเนื่องจากการผ่อนคลายเปิดประเทศและการกระตุ้นการท่องเที่ยว และจะเริ่มพลิกกลับมีกำไรได้ในงวดปี 66 ที่ 6.8 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังประเมินจำนวนผู้โดยสารในงวดปี 65 ที่ 46 ล้านคน โต 130% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน), งวดปี 66 ที่ 90 ล้านคน โต 96% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และงวดปี 67 ที่ 135 ล้านคน โต 41% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับไปใกล้เคียงงวดปี 64 ช่วงก่อนเกิดโควิด โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย งวดปี 66 ที่ 82.00 บาท
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV จะได้ประโยชน์จากการเปิดเที่ยวบินเส้นทางใหม่ โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียจะเริ่มเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ไปเมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดสายการบินที่มีเที่ยวบินไปญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นที่นิยมของคนไทยที่ต้องการไปท่องเที่ยว
ทั้งนี้ยังประเมินผลการดำเนินงานปกติปี 65 จะขาดทุนที่ 7.0 พันล้านบาท โดยงวดครึ่งแรกปี 2565 มีผลขาดทุน 4.5 พันล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 3/65 จะขาดทุนลดลงเป็น 1.5-1.8 พันล้านบาท (ไตรมาส 2/65 ขาดทุน 2.3 พันล้านบาท) จากจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยเรายังประเมินจำนวนผู้โดยสารปี 65 ที่ 9 ล้านคน +207% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ผู้โดยสาร 1H65 อยู่ที่ 3.1 ล้านคน) ส่วนปี 66 ยังประเมินจะเริ่มกลับมามีกำไรได้ จากจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มเป็น 16 ล้านคน ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 3.30 บาท อิง 2023E PBV ที่ 3.6 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสายการบินในภูมิภาค
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS จะได้อานิสงส์จากจำนวนเที่ยวบินและปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น เราประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 มีโอกาส turnaround หลังจากที่ล่าสุดปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ราว 9 ล้านลิตร/วันแล้ว เทียบกับ breakeven ที่ 8.3 ล้านลิตร/วัน เราคงประมาณการปี 65 ขาดทุนปกติ -102 ล้านบาท เทียบกับปี 64 ที่ -785 ล้านบาท และปี 66 จะพลิกเป็นกำไรที่ 369 ล้านบาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท
บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ได้อานิสงส์ปริมาณการส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็น destination หลักของการส่งออกไก่ของประเทศไทย คิดเป็น 48% ของการส่งออกทั้งหมด ขณะที่ GFPT มีรายได้จากการส่งออกไปญี่ปุ่นใน 64 ที่ 11% ของรายได้รวม โดยการส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็น 50% ของรายได้ export ของบริษัท ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 1,696 ล้านบาท (+711%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และปี 66 ที่ 1,787 ล้านบาท (+5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” GFPT และราคาเป้าหมายที่ 19.00 บาท