PRIME เดินหน้ารุก “โซลาร์ฟาร์ม-พลังงานสะอาด” ย้ำแผน 5 ปีกำลังผลิตแตะ 1,800 MW

PRIME เตรียมเดินหน้าพลังงานแสงอาทิตย์-พลังงานสะอาดอื่นๆ ทั่วเอเชีย รับเทรนด์ net-zero emissions คาดมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 200 – 400 MW พร้อมมั่นใจ 5 ปีข้างหน้ากำลังผลิตแตะ 1,800 MW หรือโต 500% จากปัจจุบัน


นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการตามเป้าหมายระยะกลางที่เคยวางแผนไว้ โดยภายในปี 2567 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

รวมไปถึงโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาดอื่นๆ ทั่วเอเชีย ไม่น้อยกว่า 800 MW หรือมีกำลังการผลิตเติบโตขึ้นกว่า 2.6 เท่าจากปัจจุบัน พร้อมเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้าเติบโตราว 500% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน ซึ่งแต่ละปีคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 200 – 400 MW

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 300.7 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 86 แห่ง รวมโครงการระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าโครงการเหล่านี้จะแล้วเสร็จ พร้อมดำเนินการและสามารถรับรู้รายได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2566 ได้ ส่วนรายได้อื่นๆ ของบริษัทนั้น มีธุรกิจขายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Private PPA) ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (EPC) และธุรกิจจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงาน (Trading) ที่ยังคงมีการเติบโตและการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ด้านปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้นแล้ว

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน PRIME เริ่มจากโปรเจคที่มีขนาดเล็กก่อน และเมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น จึงขยับเป็นโปรเจคที่มีขนาดใหญ่ กำลังการผลิตรวม 55.3 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว จำนวน 20.5 เมกะวัตต์ และส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจำนวน 34.8 เมกะวัตต์ และในประเทศกัมพูชา

โดยบริษัทได้เข้าไปทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งชาติ (National Solar Park) ที่มีธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เป็นที่ปรึกษาโครงการ มีกำลังผลิต 77 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังผลิตตามสัญญา 60 เมกะวัตต์ ณ ปัจจุบัน (ณ สิ้นเดือน ส.ค.) การก่อสร้างมีความคืบหน้าตามแผนงาน 75% โดยอุปกรณ์หลักทั้งหมด เช่น Tracking system, Inverter, Box Transformer และ PV modules ทยอยขนส่งถึงโครงการแล้วในตอนนี้ เพื่อทยอยติดตั้งควบคู่ไปกับงานก่อสร้างและส่วนอื่นๆ ซึ่งภาพรวมการก่อสร้างเป็นไปตามแผนงานเพื่อเริ่ม COD ในไตรมาสที่ 4/65

นายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและการบัญชี เปิดเผยว่า งวด 6 เดือน (สิ้นสุด มิ.ย. 65) มีรายได้รวมอยู่ที่ 395.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 97.1 ล้านบาท ซึ่งมาจากการที่ธุรกิจของบริษัทมีลักษณะเป็นการรับรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาระยะยาวทำให้รายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รายได้จะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีจำหน่ายเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ไม่มีรายได้จากโครงการดังกล่าวในปีนี้ ในส่วนของการจำหน่ายโครงการดังกล่าวทำให้บริษัทได้รับเงินลงทุนเพิ่มในโครงการอื่นๆ ซึ่งคณะกรรมการเล็งเห็นแล้วว่า จะทำให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาวมีความมั่นคงและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต

Back to top button