TKN รุกออนไลน์ ดันยอดขายครึ่งปีหลังโต 150% ขนทัพสาหร่ายเจาะ “สหรัฐ-ยุโรป”

TKN รุกหนักครึ่งปีหลังเดินหน้าไลฟ์สดโปรโมตสินค้า โดยใช้พรีเซ็นเตอร์ดาราไทยที่มีฐานกลุ่มแฟนคลับจำนวนมาก รองรับเทรนด์ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หนุนยอดขายโต 150% เตรียมขนทัพสาหร่ายเจาะตลาด Mainstream ในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป


นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐฯ เดินหน้าผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งหลังของปี 2565 ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แม้ว่าในปัจจุบันมีความกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นทุนราคาสินค้าและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคผ่านการขึ้นราคาสินค้า ดังนั้นบริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิตและต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่เป็นการผลักภาระไปสู่ผู้บริโภค และยังคงส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้เกิดการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ (New Normal) โดยผู้บริโภคใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มีการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมถึงมีการทำกิจกรรมทางการตลาด และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นมากมาย โดย TKN เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ใช้กลยุทธ์สร้างยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Alibaba, Taobao เป็นต้น โดยใช้ดาราไทยที่มีฐานกลุ่มแฟนคลับจำนวนมากมาช่วยไลฟ์สด (Live) โปรโมตสินค้า พร้อมกันในหลายประเทศ เช่น ไทยและจีน ช่วยดึงดูดลูกค้าและปิดการขายได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ มากขึ้น สะท้อนจากยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในปีนี้ที่มีอัตราเติบโตกว่า 150%

“ในช่วงที่ผ่านมา TKN ได้มุ่งทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเริ่มโฟกัสการไลฟ์สด (Live) ขายสินค้าโดยใช้พรีเซ็นเตอร์ดาราไทยที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันได้ไลฟ์สดแบบ 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและจีน ส่วนอนาคตจะขยายไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยการไลฟ์สดแต่ละครั้งนี้สามารถสร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง จึงวางแผนเพิ่มความถี่จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง และคาดว่าจะเป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯต่อไป” นายจิระพงษ์ กล่าว

นายจิระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้รุกสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญในการขยายเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะตลาด Mainstream ที่เป็นผู้บริโภคท้องถิ่นชาวอเมริกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายภายใต้แบรนด์โนระ (NORA) เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค โดยยอดขายในสหรัฐฯ ครึ่งปีแรกของปี 2565 เติบโตกว่า 70% พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สาหร่ายผ่านร้านค้าชั้นนำ “เทรดเดอร์โจส์” (Trader Joe’s) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ประเทศแถบยุโรปเพิ่มเติม โดยใช้โมเดลธุรกิจคล้ายกับในสหรัฐฯ เพื่อรุกขยายตลาด ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาพันธมิตรเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารองรับแผนขยายตลาด

Back to top button