พาราสาวะถี
แสดงความฟิตทันทีที่กลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกคำรบสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ด้วยการเข้าประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
แสดงความฟิตทันทีที่กลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกคำรบสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ด้วยการเข้าประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศที่กระทรวงมหาดไทยในช่วงเช้า ก่อนจะกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเที่ยง ไหว้ท้าวมหาพรหมก่อนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สำหรับการประชุมกับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศนั้น ท่านผู้นำเริงร่าเป็นพิเศษพร้อมโชว์สั่งการผู้ว่าฯ จังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยจะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ด้วยตัวเองที่ขอนแก่นและอุบลราชธานีในวันนี้ (4 ต.ค.)
เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่อมทุกข์มานานกว่า 1 เดือน ปล่อยให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.โชว์ออฟในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ เรียกคะแนนไปก่อน เมื่อได้คัมแบคย่อมมีอาการลิงโลดเป็นพิเศษ เร่งแสดงผลงานให้เต็มที่ แต่สิ่งที่บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองต่างเรียกร้องไปยัง กกต.ให้มีการแก้ไขระเบียบข้อห้ามในกฎเหล็ก 180 วัน คือ ให้ ส.ส.สามารถที่จะแจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายบริหารที่เป็นนักการเมืองเหมือนกันแจกได้ด้วยการอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่แต่อีกฝ่ายไม่ให้ทำหน้าที่ตัวแทนประชาชน
ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรกับท่าทีของ กกต.คณะนี้ ไม่ได้มีอะไรเป็นที่พึ่งที่หวังอยู่แล้ว การทำงานก็ยึดหลักของผู้มีพระคุณเป็นสำคัญ เห็นได้ชัดจากการตีความเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จนได้ ส.ส.ปัดเศษ ส.ส.เอื้ออาทร แต่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพรรคการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายค้านกับการที่ไม่ได้แจกของให้ประชาชนที่ประสบภัย ไม่เฉพาะน้ำท่วม เพราะคนในพื้นที่ต่างเข้าใจว่าติดปัญหาอะไร ซึ่งไม่ได้น่าจะมาซึ่งความได้เปรียบเสียเปรียบกันทางการเมือง
เมื่อมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวล ตีโพยตีพาย ทำให้อีกฝ่ายโจมตี หรือเข้าทางพวกรับจ้างทำไอโอ บรรดาคอการเมืองต่างมองตรงกันการได้ไปต่อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมันไม่ใช่เรื่องที่น่าตีอกชกตัว เพราะเวลาที่เหลือไปถึง 6 เมษายน 2568 กับการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ 8 ปีตามรัฐธรรมนูญนั้น ในทางการเมืองถือว่าไม่ได้เป็นคุณให้กับคนที่อยากอยู่ยาว ส่วนพรรคที่จะสนับสนุนชงเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องคิดหนัก
ถามว่าจะเสนอต่อประชาชนอย่างไร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนี้ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่สามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ถึง 2 ปี พี่น้องประชาชนช่วยเลือกไปก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยให้สภาฯ ไปเลือกนายกฯ คนต่อไปกันอีกที ในภาวะที่บ้านเมืองต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พรรคไหนที่จะเสนอชื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงคิดกันใหม่ ไม่เพียงแต่เงื่อนเวลาที่บังคับเท่านั้น ยังมีปมของกระแสที่เห็นได้ชัดว่าความนิยมไม่เหลือแล้ว
เว้นเสียแต่ว่าบรรดาเนติบริกรศรีธนญชัยหรือนักกฎหมายขายตัวทั้งหลาย จะคิดการใหญ่ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปลดล็อกมาตรา 158 วรรคสี่ ไม่ให้มีเงื่อนไขบังคับความเป็นนายกฯ ต้องไม่เกิน 8 ปี หากทำเช่นนั้นก็จะเข้าข่ายเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า และต้องการจะอุ้มสมคนเพียงคนเดียว ทั้งที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมก็ถูกท้าทายในแง่ความเชื่อถือ ศรัทธาจากประชาชนมากพออยู่แล้ว ขณะเดียวกันอย่าลืมว่าถ้าไม่โกหกตัวเองหรือหลอกคนอื่น วิษณุ เครืองาม ประกาศปาว ๆ ใครจะไปต่อแต่สำหรับตนพอแค่นี้
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่าความอยากเป็นนายกฯ ต่อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็จะมีระยะเวลาที่จำกัด เงื่อนไขเพียงแค่ไม่ถึง 2 ปี การคิดอยู่ต่อจึงเป็นเพียงความหวังว่าสถานการณ์ของประเทศจะกลับมาดี เศรษฐกิจจะฟื้นคืนชีพ ประชาชนอยู่ดีกินดี ตัวเองก็จะลงจากหลังเสือได้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่คงเป็นได้เพียงแค่หวังลม ๆ แล้ง ๆ เพราะทีมยุทธศาสตร์หน้าเดิมคงไม่มีไอเดีย หรือแผนการที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นในพริบตาได้ ขนาดลอกการบ้านคนอื่นมาแท้ ๆ ยังสอบตก
ปัญหาความยากจนเป็นบทพิสูจน์สำคัญ จากแนวคิดขายฝันตั้งแต่วันยึดอำนาจ คนไทยทุกคนต้องมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การเปิดให้คนลงทะเบียนเพื่อรับบัตรคนจนที่จะมีไปถึงวันที่ 19 ตุลาคมนี้นั้น ตัวเลขของผู้เดือดร้อนจำนวนคนยากจนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เที่ยวโทษโควิด-19 หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครน มันก็แค่พอฟังได้ คนมีความสามารถ มีศักยภาพเขาไม่ใช้เป็นข้ออ้าง นักบริหารที่ดีทุกวิกฤตมันคือความท้าทาย และบทพิสูจน์ฝีมือในการทำงาน
ความจริงมันก็น่าเห็นใจ เพราะขนาดได้ “ด็อกแต๋ว” ที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นนักการตลาดมือหนึ่งของประเทศ ยังไม่มีปัญญาที่จะเสนอไอเดีย หรือทำอะไรที่ทำให้คนลืมคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าได้ เอาแต่โหนในเรื่องที่ไม่สมควร และขายแต่ความเป็นคนดีโดยไม่มีแผนงาน หรือสะท้อนให้ประชาชนเห็นได้เลยว่า นอกเหนือจากใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ปิดปากคนอื่น ใช้กฎหมายพิเศษกดหัวคนเห็นต่างแล้ว มีอะไรดีบ้างตั้งแต่ยึดอำนาจจนสืบทอดอำนาจมานานกว่า 8 ปี
บรรดาคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่อ้างว่าเตรียมการไว้เพื่อรองรับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เห็นกันแล้วว่าทฤษฎีกับแนวปฏิบัติเมื่อเผชิญสถานการณ์จริงนั้นมันไปกันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองหลังจากการได้ไปต่อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับพรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะเพื่อไทย มิหนำซ้ำ ยังเป็นผลดีเสียด้วยซ้ำ แต่มันไปตกหนักกับพวกผสมพันธุ์กับอำนาจสืบทอดในปัจจุบัน จะกำหนดทิศทางการเมืองเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ากันอย่างไร
หนนี้จะไม่สามารถหลอกต้มคนที่จะเลือกเหมือนครั้งที่ผ่านมาได้อีกแล้ว ต่อให้มี 250 ส.ว.ลากตั้งเป็นฐานค้ำยันให้คนก็ไม่เชื่อ คอยติดตามสโลแกนหาเสียงของแต่ละพรรคหลังจากนี้ นอกจากนโยบายประชานิยมที่จะต้องซื้อใจคนรากหญ้าแล้ว จะต้องมีการแสดงตัวให้ชัดด้วยว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ยังจะอุ้มสมผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่ เมื่อใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งทั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จะแสดงท่าทีที่แตกต่างจากวันนี้ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าทีเดียว ยิ่งบรรดา อสม.ที่มีการประเคนเงินอุดหนุนชนิดซื้อใจกันยาว ๆ นั้น ความจริงส่วนใหญ่ก็มีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วทั้งสิ้น