“กลุ่มเดินเรือ” วิ่ง! รับดัชนี BDI พุ่งเฉียด 2,000 จุด

RCL, PSL, TTA, AMA, PRM กอดคอบวก! ขานรับดัชนี BDI พุ่งเฉียด 2,000 จุด โบรกชู PSL เป้า 18 บาท อานิสงส์ดีมานด์ฟื้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ต.ค.65) ณ เวลา 10:42 น. ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือปรับตัวขึ้น นำโดย บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL อยู่ที่ระดับ 28.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.63% สูงสุดที่ระดับ 28.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82.88 ล้านบาท

บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL อยู่ที่ระดับ 15 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.45% สูงสุดที่ระดับ 15.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92.23 ล้านบาท

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA อยู่ที่ระดับ 8.05 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ระดับ 8.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21.98 ล้านบาท

บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 8.33% สูงสุดที่ระดับ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38.22 ล้านบาท

บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM อยู่ที่ระดับ 6.05 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.22% สูงสุดที่ระดับ 6.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34.77 ล้านบาท

บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนะนำ “ซื้อ” PSL ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท โดยคาดค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4/65-1/66 จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 3/65 ด้วยแรงหนุนจาก 1) ฤดูกาลเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรสหรัฐฯ 2) อุปสงค์จีนที่ฟื้นขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ และ 3) การคว่ำบาตรนำเข้าถ่านหินรัสเซียโดยสหภาพยุโรป (EU) ที่คาดว่าจะเป็นตัวหนุนอุปสงค์การขนส่งถ่านหินจากประเทศอื่นๆได้มากขึ้น

สำหรับกำไรไตรมาส 3/65 คาดว่าแตะจุดต่ำสุดของปี 65 โดยค่าระวางตลาด (BSI, BHSI) ฟื้นตัวแข็งแกร่ง 13% และ 18% จากจุดต่ำต้นเดือน ก.ย.65 ส่วนในระยะยาวเชื่อว่าบริษัทและภาพรวมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากค่าระวางในระดับที่ทำกำไรได้ดี หนุนจากสมดุลระหว่างอุปทานกองเรือและอุปสงค์การค้าตลาด seaborne ที่ปรับดีขึ้น ซึ่งสภาพตลาดจะเป็นทิศทางที่อุปสงค์จะโตเร็วกว่าอุปทานในปี 66-67

ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 3/65 ของ PSL อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 36% จากไตรมาสก่อน ซึ่งลดแตะจุดต่ำรอบ 5 ไตรมาส สืบเนื่องจากผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในจีนที่ฉุดอุปสงค์เรือเทกอง กอปรกับอุปทานกลับสู่ระดับปกติจากปัญหาท่าเรือแออัดผ่อนคลายลง จึงคาดว่ากำไรเฉลี่ยต่อลำต่อวันของบริษัทจะลดลงเหลือ 16,578 เหรียญต่อวันในไตรมาส 3/65 ลดลง 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 31% จากไตรมาสก่อน แต่ค่าระวางเฉลี่ยของตลาด Supramax และ Handy-sized น่าจะอยู่ที่ 19,728 เหรียญ และ 18,709 เหรียญต่อวัน ลดลง 42%จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 32% จากไตรมาสก่อน ส่วนลดต่อตลาดมีสาเหตุจากกองเรือขนาดเล็กกว่าของตลาด และกรอบเวลาของสัญญาที่ต่างกัน

อย่างไรก็ดีดัชนีค่าระวางเรือ : Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดวานนี้ (5 ต.ค.) ปิดที่ 1,996 จุด บวก 131 จุด หรือเพิ่มขึ้น 7%

Back to top button