พาราสาวะถี
เหตุการณ์กราดยิงอันสุดสลดกลายเป็นข่าวช็อกโลกที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู นอกเหนือจากความสูญเสีย โศกเศร้า ของบรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครอง แล้ว
เหตุการณ์กราดยิงอันสุดสลดกลายเป็นข่าวช็อกโลกที่ศูนย์เด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู นอกเหนือจากความสูญเสีย โศกเศร้า ของบรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติของผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้ว มีคำถามจากสังคมดังขึ้นมาพร้อมกัน และชี้นิ้วไปยังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเพื่อให้เห็นต้นตอของปัญหาที่นำมาซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ว่าเกิดจากยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ถ้าไม่เป็นความจริงคงไม่เกิดแอ็กชันตามมาของหลายหน่วยงานที่สั่งการกันอย่างแข็งขัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งให้มีการตรวจสารเสพติดตำรวจทั่วประเทศให้ถี่มากขึ้น จากเดิมที่ทำกันแค่ตรวจประจำปี หรือในรายที่ต้องสงสัยเท่านั้น กระทรวงมหาดไทยออกหนังสือราชการด่วนที่สุด เลขที่ มท 0810.6/ว 7523 ถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่องแนวทางป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั่นย่อมเป็นบทสะท้อนที่ไม่ต้องรอสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่ามาจากสิ่งใด และที่ผ่านมามีการปล่อยปละ ละเลย เพิกเฉยกันมาตลอดใช่หรือไม่
มีการตั้งข้อสังเกตต่อคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่มีไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ จาก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยอย่างน่าสนใจ เพราะในหนังสือด่วนที่สุดดังกล่าวนั้น สาระสำคัญ คือ ให้ท้องถิ่นบูรณาการหน่วยงานทำงานเชิงรุก ตั้งศูนย์คัดกรองประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของการติดยาเสพติด จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติดให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพ สร้างการมีส่วนร่วมของหมู่บ้าน ชุมชน สร้างภูมิคุ้มกัน ค้นหา รักษา ให้โอกาส ดูแลและช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เสริมความเข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
โดยใช้งบประมาณในเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติ ด้านการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด ถ้าไม่ได้ตั้งไว้ให้โอนงบอื่นที่จำเป็นน้อยกว่ามาใช้ ถ้าโอนไม่ได้ให้ขออนุมัติปลัดกระทรวงเอาเงินสะสมมาใช้ ถ้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ทำเอง ให้อุดหนุนงบประมาณแก่หน่วยงานอื่นทำแทนได้ โดยรายงานผลการดำเนินการและรายละเอียด ผ่าน Google Form ทุกวันที่ 5 ของเดือน เชื่อว่าท้องถิ่นทั้งหลายเมื่อเห็นหนังสือด่วนที่สุดฉบับนี้คงอึ้งที่สุด
แม้จะปฏิเสธบทบาทการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้ แต่สถานการณ์ถึงขั้นนี้ต้องบูรณาการในระดับรัฐบาล ไม่ใช่ให้ท้องถิ่นทำกันเอง “เจ้าภาพต้องเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่นายก อบต.” ต้องแยกให้ชัดระหว่างการกระจายอำนาจกับการผลักภาระ 8 ปีที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยส่งสัญญาณว่ายาเสพติดคือปัญหาใหญ่ ไม่แม้แต่จะพูดถึงอย่างจริงจัง ยกเว้นในวาระปกติ เช่น เปิดงาน มอบรางวัล และมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งใครไปเป็นประธานก็ต้องพูดประมาณนั้น
พอปัญหาลุกลามก็ยัดใส่มือท้องถิ่นดื้อ ๆ ทั้งที่งบประมาณของท้องถิ่นเหล่านั้นมีจำกัด อำนาจก็ไม่มากพอ แล้วจะคาดหวังประสิทธิผลได้อย่างไร ทุกวันที่ 5 ของเดือน ผ่านไป 2-3 เดือนจะให้เอาอะไรมารายงาน ถ้าทำไม่ได้ด้วยข้อจำกัดทั้งหลาย จะกลายเป็นความผิดของท้องถิ่นไปด้วยหรือไม่ แล้วแบบนี้ความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่ที่ไหน การสั่งการในลักษณะเช่นนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของคนที่บริหารกระทรวงนี้หรือไม่ สมควรแล้วกระมังที่ต้องโยกเก้าอี้ มท.1 ให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไปดูแลเสียที
สถานการณ์มาถึงขนาดนี้ คนทั่วโลกต่างรู้สึกสลดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างแสดงความเสียใจ เห็นใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องลงมาทำเอง จะบูรณาการ ใช้งบใช้คนยังไงก็ว่ามา คดียาเสพติดค้างอยู่ตรงไหนบ้าง หมายจับค้างเก่ามีกี่หมาย แก้ปัญหาระยะสั้นระยะยาวแบบไหนต้องพูด ทีกับประชาชนหลายครั้งใจร้อนฉุนเฉียว กับพวกค้ายาทำไมดูใจเย็นอ้อยอิ่งนัก
เมื่อไม่อยากจะพูดเรื่องการเมือง เมื่อไม่ต้องการจะตอบคำถามเรื่องปรับ ครม.ก็ใช้ประเด็นนี้มาสร้างกระแสไปเสียเลย ไม่ต้องถึงขั้นประกาศสงครามกับยาเสพติดเพราะกลัวจะไปเหมือนใครในอดีต แต่เอาให้ชัด ถือธงนำจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อใจ มั่นใจได้ว่าปัญหานี้จะทุเลาเบาบางลง อย่าลืมว่าก่อนหน้านั้นยาบ้ากลายเป็นของหายากเพราะถูกกวาดล้างจับกุมหนัก แต่เวลานี้ลองไปตรวจสอบกันดูเกลื่อนเมือง ราคาถูก หาง่าย มันหมายความว่าอะไร คนที่อ้างว่ามีการข่าวดีเลิศคงไม่หูหนวกตาบอดกับเรื่องแบบนี้
พูดถึงการปรับ ครม.ก็อย่างที่ย้ำแล้วย้ำอีก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประชาธิปัตย์ ยิ่งภูมิใจไทยยิ่งแล้วใหญ่ เคาะมากี่คน ตำแหน่งไหน ก็เป็นไปตามนั้น ปัญหาหนักอกที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่สามารถทำได้ทันทีทันใดตามที่ฝ่ายพรรคเก่าแก่ต้องการเพื่อไม่อยากให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค มันอยู่ที่พรรคแกนนำรัฐบาลไม่ใช่เพียงแค่ 2 เก้าอี้ที่ถูกริบคืน ซึ่งพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ต้องมีคำตอบให้กับลูกพรรค ใกล้เลือกตั้งแล้ว กลุ่มมุ้งต่าง ๆ ต้องมีหัวโขนรัฐมนตรีไปเสริมเขี้ยวเล็บ
ที่เรียกร้องมาตลอดคือ 14 ส.ส.ภาคใต้แม้ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ แต่ถ้ามองไปยังผลของการเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามา มันอาจต้องจำใจให้ ไม่ต่างจากกลุ่ม ส.ส.ปากน้ำที่แสดงพลังความไม่พอใจผ่านการโหวตในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมเก้าอี้ของ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่อาจจะต้องคืนให้เพื่อความสง่างามในการที่จะนำทีมพรรคสู้ศึกเลือกตั้งในฐานะแกนนำเศรษฐกิจของพรรค แต่ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่กล้าขยับ คือ การริบเก้าอี้ มท.1 จากพี่รองให้พี่ใหญ่ไปครอบครอง มาดูว่าจะยื้อกันไปได้นานแค่ไหน
ส่วนข่าวปล่อยที่ทำให้คนเชื่อได้ว่ามีมูล คงหนีไม่พ้นประเด็น ธรรมนัส พรหมเผ่า เปิดดีลกับคนแดนไกลจะหอบ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยไปซบเพื่อไทย แต่จะสามารถปิดดีลกันได้หรือไม่ คำสั่งของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่นาทีนี้ต้องดูกระแสของประชาชนที่จะเลือกพรรคครั้งหน้าด้วยว่าตอบรับหรือไม่ มีให้เห็นแล้วจากปฏิกิริยาไม่เอา บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และ ธีระชัย แสนแก้ว ซึ่งเคยไปร่วมงานกับภูมิใจไทยมาก่อน หนนี้ก็เช่นกันแม้จะเห็นตัวเลข ส.ส.หลักสิบราย ถ้าเข้ามาแล้วคนที่จะเลือกไม่เอาก็เปล่าประโยชน์