“สธ.” ชี้ แม้ปรับลดโควิด เตรียมเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่-ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
“สธ.” ชี้ แม้รัฐบาลปรับลดโควิดเป็นโรคติดต่อ จากการสำรวจเชื้อใหม่ลดลงต่อเนื่องวันที่ 2-8 ต.ค.65 พบ 2,915 ราย เตรียมเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่จากการตรวจพบต่างประเทศ สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB พร้อมเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 และตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.65
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในรอบสัปดาห์ (2-8 ต.ค.65) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รักษาตัวในโรงพยาบาล 2,915 คน เฉลี่ยวันละ 416 คน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า (25 ก.ย.-1 ต.ค.65) ที่มีผู้ติดเชื้อผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,435 คน เฉลี่ยวันละ 634 คน
ทั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2,461,612 คน ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่มี 58 คน เฉลี่ยวันละ 8 ราย สะสม 11,131 คน มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 410 คน และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 225 คน ส่วนจำนวนการให้วัคซีน ณ วันที่ 8 ต.ค.65 มีการให้วัคซีนสะสม 142,726,489 โดส เป็นวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 57,014,752 โดส เพิ่มขึ้น 375 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 53,499,963 โดสเพิ่มขึ้น 551 โดส และตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป 32,211,774 โดส เพิ่มขึ้น 4,962 โดส
สำหรับกรณีที่มีรายงานข่าวว่าขณะนี้ในต่างประเทศได้มีการตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ เช่น สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB โดยระบุว่าสามารถแพร่เชื้อได้เร็ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานว่า จากการเฝ้าระวังร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย โดยสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลกที่ BA.5 ยังคงเป็นสายพันธุ์หลัก
“แม้รัฐบาลจะได้ปรับลดโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นมา แต่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีระบบการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยติดตามดูสายพันธุ์ที่อาจมีปัญหาอย่างใกล้ชิด หากพบสัญญาณว่าตัวใดมีปัญหาจะจับตาเป็นพิเศษ แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีสัญญาณการกลายพันธุ์ที่ต้องกังวล โดยประชาชนสามารถใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องตื่นตระหนก” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังคงเดินหน้าให้บริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยขอให้ประชาชนที่รับวัคซีนครบตามเกณฑ์แล้วเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 และตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.65 ซึ่ง สธ.จะเริ่มฉีดวัคซีนแก่เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ซึ่งจะทำให้การรับวัคซีนของประชากรกลุ่มต่างๆ มีความครอบคลุมมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ เด็กเล็กจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการพัฒนาวัคซีนยังไม่ครอบคลุม
โดยข้อมูลของ สธ.ระบุว่าผู้ปกครองของเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ได้ลงทะเบียนเพื่อนบุตรหลานเข้ารับวัคซีนแล้ว 4 แสนคน โดยผู้ผลิตวัคซีนจะส่งมอบวัคซีนสำหรับเด็กกลุ่มดังกล่าวล็อตแรกในเดือน ต.ค.จำนวน 5 แสนโดส ซึ่งจะทยอยฉีดให้กลุ่มเป้าหมายต่อไป