ลุ้นเด้งกลับ
ในที่สุดฐานแนวรับที่ยกตัวสูงขึ้นบริเวณ 1,570 จุด ก็มิอาจต้านทานแรงขายที่พรั่งพรูออกมาได้ ดัชนีถึงไหลพรวดลงไปถึง 1,565.33 จุด
ในที่สุดฐานแนวรับที่ยกตัวสูงขึ้นบริเวณ 1,570 จุด ก็มิอาจต้านทานแรงขายที่พรั่งพรูออกมาได้ ดัชนีถึงไหลพรวดลงไปถึง 1,565.33 จุด ก่อนจะพยายามตีตื้นขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,570.57 จุด ลบไป 9.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.33 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่า อิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นตัวกดดันการลงทุนทั่วโลกเหมือนเดิมพะย่ะค่ะ
ประกอบกับกลิ่นอายสงครามโลกกลับมาปะทุอีกครั้ง จึงกลายเป็นสองแรงบวกที่ทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงไปอีก “โมนิก้า” เลยเกิดอาการเซ็งเป็ดอย่างบอกไม่ถูก และมองว่าจุดที่ดัฃนีมีลุ้นเด้งกลับอีกจุดหนึ่งอยู่ที่ 1,550 จุด ซึ่งถ้ามองกันตามกลไกตลาดหุ้นที่เล่นเป็นประจำก่อนหน้านี้ จะเห็นว่านี่เป็นไฟต์ที่น่าเล่นแบบไม่มีข้อแม้สำหรับสายลุย เพราะบริเวณนั้นเป็นจุดที่แรงขายอ่อนกำลังน่ะซี
ถึงกระนั้นก็ต้องเผื่อใจไว้นิดหนึ่ง ว่าหากจุดนั้นไม่เด้งกลับเหมือนอย่างที่คิด ก็ควรที่จะ cut loss เพื่อไม่ให้เจ็บตัวมากไปกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นหลายตัวในเที่ยวนี้ เหมือนเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่านักเล่นกลุ่มสถาบันต้องการลดพอร์ตให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ หลังนั่งบวกลบคูณหารแบบละเอียดแล้วพบว่า ดาวน์ไซด์มีมากกว่าอัพไซด์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะซึมลงไงละคะ
เหมือนกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น SAWAD แบบไม่ปราณีในช่วงที่ผ่านมา มันเป็นการย้ำถึงความกังวลที่มีต่อกำไรในช่วงที่เหลือของปี 2565 อาจออกมาไม่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากทางการตีกรอบการธุรกิจแบบเข็มข้น ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศยังไม่เฟื่องฟู วานนี้จึงถูกถล่มจนลงมานอนอยู่ที่ 40.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 667 ล้านบาท ท่ามกลาง P/E 13 เท่าแบบนี้..เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า ถูกไม่รู้จะถูกอย่างไรแล้วจ้า!!
ส่วนรายที่อาการหนักดันกลายเป็น TIDLOR ไปเสียฉิบ! เพราะการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 24.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 989 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low (ครั้งก่อนต่ำสุดแค่ 26 บาท) เหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า “ต่างชาติ” กับ “กองทุน” ไม่เอาหุ้นตัวนี้แล้วจริง ๆ จึงหันมาใช้วิธีขายใส่ลูกเดียว จนราคาหุ้นโงหัวไม่ขึ้น และมีสิทธิที่จะไหลลงอีกนะนายจ๋า!
ขนาดหุ้นที่เดี๊ยนเม้าท์ว่า “ถูกแสนถูก” เมื่อวันก่อนอย่าง HMPRO ยังถูกรินขายหน้าตาเฉย จนวานนี้ลงมายืนที่ระดับ 13.30 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 337 ล้านบาท ก็เป็นภาพที่ย้ำเตือนว่า ยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน..ยามชังน้ำตาลยังว่าขม จึงต้องปล่อยให้พวกสถาบันละเลงกันให้หนำใจ เพราะสิ่งที่เคยคิดว่าแรงขายน่าจะสะเด็ดน้ำแล้ว..เอาเข้าจริง กลับขายยังไม่สุดเจ้าค่ะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองหุ้น BTS เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเลใจ เพราะช่วงหลังราคาหุ้นทรุดตัวลงมาทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” จนเดี๊ยนเกิดความกังวลใจอย่างแรง ว่าการลงมายืนปิดที่ระดับ 7.90 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288 ล้านบาท อาจไม่ใช่ก้นเหวของการลงเที่ยวนี้กระมัง! เพราะพวกพี่ ๆ ยังสาดหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ไงละตัวเอง
เรื่องนี้คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหุ้น GUNKUL ทุกประการ เพราะดูจากสตอรี่ของหุ้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ราคาหุ้นก็ควรไต่เพดานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่เอาเข้าจริงกลับโดนขายเหมือนคนไม่รักกันแล้วกระมัง! วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 4.90 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 530 ล้านบาท แบบนี้ “โมนิก้า” คงเม้าท์ได้แค่ว่า เที่ยวก่อนหุ้นลงมาทำโลว์ที่บริเวณ 4.86 บาท ปุ๊บ ต่อจากนั้นก็ไต่เพดานขึ้นไปแถว 5.80 บาท นะจ๊ะ
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น CKP ขึ้นมาเช่นกัน! เพราะรูปแบบการลงก็คล้ายคลึงกับรายข้างต้น แถมเที่ยวก่อนที่ลงลึก ๆ ก็ลงไปแตะระดับ 4.70 บาท ต่อจากนั้นใช้เวลาร่วม 2 เดือนวิ่งกลับขึ้นไปที่ 5.50 บาท “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนตัมที่ชวนให้เชื่อว่าหุ้นน่าจะเด้งกลับในไม่ช้า? หลังหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.78 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 291 ล้านบาท แล้วน่ะซี