พาราสาวะถี

ช่วงนี้มีคำแนะนำสำหรับคอการเมืองทั้งหลายว่า ให้ติดตามแอ็กชันของคนในขบวนการสืบทอดอำนาจกันเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นจังหวะที่จะต้องมีการขยับกันทางการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่าได้แปลกใจกับการที่มีคุณรายงานข่าวรายงานละเอียดยิบ หลังการประชุม ครม.เมื่อวาน เมื่อเดินผ่านวงของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่คุยกับรัฐมนตรีของพรรคสืบทอดอำนาจ แล้วน้องเล็กได้เดินมากอดทางด้านหลัง พร้อมวลีเด็ด “ไม่ไปไหนหรอก แหม! มีเรื่องให้ง้อได้ทุกวัน”

ไม่ต้องตีความให้เมื่อยตุ้ม เป็นการหยอกแกมจริงต่อปมที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีข่าวว่าจะไปร่วมชายคาพรรคที่ตั้งไว้เพื่อรองรับตัวเองโดยตรงอย่างรวมไทยสร้างชาติ ถือว่าได้ผลจากคำพูดดังกล่าว เพราะหลังจากนั้น บรรดารัฐมนตรีที่มีข่าวว่าจะย้ายคอกตีจากพรรคแกนนำรัฐบาล ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายังอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหน ไม่ว่าจะแก๊งสามมิตร หรือคนที่เป็นเลขาธิการพรรคอย่าง สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ทางการข่าวชี้ให้เห็นว่ามีแนวโน้มไปซบภูมิใจไทยสูง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นภาพหวานแหวว ที่ทำให้คนในพรรคสืบทอดอำนาจหัวใจชื้น แต่ในความเป็นจริงอย่าลืมว่ามีการปรากฏภาพของการกอดกันกลมของพี่น้องแก๊ง 3 ป.มาให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ เพื่อสยบข่าวเกาเหลาที่เกิดมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2564 จากปมของ ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้ว่าในเชิงความรู้สึกความเป็นพี่น้องอาจตัดกันไม่ขาด แต่สายสัมพันธ์ทางการเมืองว่าด้วยเรื่องแนวคิดและทิศทางนั้น สะบั้นกันไปแล้ว ด้วยเหตุผลน้องเล็กคะแนนนิยมตก เป็นโจทย์ยากที่พรรคการเมืองจะยกเป็นตัวชูโรงในการเลือกตั้ง

มิหนำซ้ำ ยังมาเจอกับปมความเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าสามารถอยู่ทำหน้าที่ได้อีกไม่ถึง 2 ปี ยิ่งทำให้ต้องคิดกันหนัก หากพรรคสืบทอดอำนาจต้องการที่จะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องชงชื่ออื่นประกบ และอาจต้องคิดนโยบายเพื่อไว้ด้วย ได้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯ เพื่อความไร้รอยต่อแล้ว ยังจะมีคนมาทำงานหลัง 2 ปีไปแล้วแบบไร้รอยต่อเช่นกัน ซึ่งมันก็คงพิลึกพิลั่นชอบกล และคนคงยากที่จะเชื่อถือ

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ขนาดความเป็นนายกฯ ที่นั่งมากว่า 8 ปี แล้วพี่ใหญ่มานั่งรักษาการแทนแค่เดือนเศษ ประชาชนยังสัมผัสถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าคนส่วนใหญ่ก็ต้องการเห็นนโยบายของแต่ละพรรคที่ชัดเจนในการจะยกระดับคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดี มีเงินใช้ สิ่งสำคัญต้องการเห็นตัวคนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจ คนที่ได้ชื่อว่าประชาชนเบื่อหน่ายเสียแล้ว พรรคไหนดันทุรังเสนอชื่อก็คงจะต้องเหนื่อยกันหนัก

ขณะเดียวกัน มีเรื่องจากที่ประชุม ครม.นัดเดียวกัน สันติ พร้อมพัฒน์ อุตส่าห์ชงให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสั่งการให้ ครม.ลงพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมอยู่ในเวลานี้ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาให้ประชาชน ขาดส่วนไหนจะได้ช่วยเขา จะได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดี ซึ่งท่านผู้นำก็ไม่ขัด เห็นด้วย แต่ก็ไม่วายทักท้วงว่าลงไปก็อย่ารีบรับปากให้รับเรื่องมา แล้วกลับมาดูงบประมาณว่ามีพอที่จะช่วยเหลือประชาชนได้หรือไม่ มิเช่นนั้น จะกลายเป็นภาระกดดันมายังรัฐบาล

ไม่เพียงแต่แสดงข้อกังวลเท่านั้น แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังยกตัวอย่างจากที่ได้ไปลงพื้นที่เพชรบูรณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกษตรกรยาสูบมาของบประมาณ 50 ล้านบาท แต่ตนไปตรวจสอบพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว แต่เงินตรงนั้นไม่ไปถึงชาวบ้าน จึงขอให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไปตรวจสอบว่าเงินหายไปไหน ตรงนี้ไม่รู้เป็นการตบหน้าใครหรือเปล่า แต่ไม่น่าจะเป็นผลดีกับนักการเมืองโดยเฉพาะในพรรคสืบทอดอำนาจอย่างแน่นอน

ต้องยอมรับความจริงกันว่า แนวคิดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับแนวทางการทำงานของพรรคการเมืองที่เต็มไปด้วยนักเลือกตั้งประเภทเขี้ยวลากดินนั้นมันไปด้วยกันยาก มิเช่นนั้น คงไม่เกิดเหตุดับเครื่องชนของธรรมนัส ไม่ใช่เรื่องความถูกต้อง และว่ากันตามกฎหมาย บางเรื่องไม่จำเป็นที่จะต้องเข้มงวดขนาดนั้น เพราะมีกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนอยู่ แต่ท่านผู้นำก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน มันจึงทำให้กลายเป็นความไม่พอใจของนักเลือกตั้งที่ต้องการจะใช้งบประมาณเพื่อสร้างคะแนนนิยม

จากสิ่งที่รัฐมนตรีช่วยคลังเสนอผ่านที่ประชุม ครม.เพื่อให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีคำสั่งให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น มันก็ชวนให้ย้อนกลับไปถึงระเบียบว่าด้วยข้อห้าม 180 วันของ กกต. ที่กลายเป็นช่องโหว่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันทางการเมือง บนความเดือดร้อนของประชาชน คนที่เป็น ส.ส.ผู้แทนของประชาชน ห้ามให้การช่วยเหลือใด ๆ เพราะจะถือเป็นการหาเสียง จูงใจให้เลือกในครั้งต่อไป

แต่กับคนที่เป็น ส.ส.แล้วมีหัวโขนเป็นรัฐมนตรีด้วย มีข้อยกเว้นหากไปแจกในเวลาราชการ ถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารทำกันได้ คำพูดของสันติที่ว่าขาดส่วนไหนจะได้ช่วยเขา จะได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดี เมื่อยึดเอาข้อห้ามของ กกต.เป็นหลัก การทำให้ประชาชนรู้สึกดีและได้รับความช่วยเหลือจึงถูกผูกขาดไว้กับฝ่ายที่กุมอำนาจเท่านั้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการอ้างความเคร่งครัดตามกฎหมายของ กกต. แต่ไม่มองบริบทของความจริง ความเดือดร้อนของประชาชนที่เป็นอยู่

พรุ่งนี้ 14 ตุลาคม ครบรอบ 49 ปีตุลามหาวิปโยค บทเรียนในอดีตคือภาพสะท้อนปัจจุบัน ต้นตอของเผด็จการสืบทอดอำนาจคือที่มาของการนองเลือด แม้ว่าเผด็จการปัจจุบันจะใช้เล่ห์กลในการวางแผนไว้อย่างแยบยล และหน้าทนกว่าเผด็จการในอดีต อย่าได้ท้าทายกับความรู้สึกของประชาชนเป็นอันขาด ความเคลื่อนไหวของมวลชนที่ดูเหมือนว่าจะไร้พลังไปอย่างมากเมื่อเทียบกับการลุกฮือของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในอดีต แต่ภาพของคนหนุ่มสาวที่ท้าทายอำนาจเผด็จการเมื่อปี 2563 คือภาพเตือนสติคนที่คิดจะอยู่ยาวและขบวนการ ถ้ามีการลดเพดานและหาจุดร่วมกันเจอของกลุ่มเคลื่อนไหวอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น