‘เครดิตสวิส’ บทเรียนว่าด้วย ‘ความเสี่ยง’
ข่าวใหญ่สุดในแวดวงการเงินโลก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นหุ้นเครดิตสวิส (Credit Suisse) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์
ข่าวใหญ่สุดในแวดวงการเงินโลก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นหุ้นเครดิตสวิส (Credit Suisse) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ราคาปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และนับตั้งแต่ต้นปีราคาปรับลงกว่า 55% หลังพบว่า ค่าสเปรดสัญญาสวอปการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap: CDS) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในวันที่ 30 ก.ย. 65 เป็นผลเกิดความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุนไปทั่วโลก โดย CDS เป็นตราสารอนุพันธ์ประกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ซื้อกับสถาบันการเงิน ที่เป็นบุคคลที่ 3 เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเบี้ยวหนี้ของลูกหนี้
โดย CDS ของเครดิตสวิอยู่ในระดับใกล้เคียงตัวเลข เมื่อปี 2552 (ช่วงที่เกิดวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์) ทั้งนี้ CDS ของเครดิตสวิส ปรับตัวขึ้นกว่า 300% ตั้งแต่ต้นปีนี้ที่อยู่ระดับเพียง 60 จุดนั่นจึงสร้างความกังวลให้กับตลาด โดยเฉพาะนักลงทุน และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ว่า สถานการณ์ของเครดิตสวิส อาจเข้าใกล้ช่วงวิกฤติอีกครั้ง หลังต้องเผชิญปัจจัยด้านลบต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะการขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงใน Greensill และ Archegos
ขณะที่ผู้บริหารของเครดิตสวิสปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า “บริษัทได้มีการติดต่อนักลงทุนอย่างเป็นทางการ เพื่อระดมทุนและยืนยันว่าบริษัทหลีกเลี่ยงการดำเนินการลักษณะดังกล่าว” หลังจากราคาหุ้นแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และต้นทุนกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นจากผลพวงการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว
อย่างไรก็ดี Credit Suisse ยอมรับว่า กำลังดำเนินการทบทวนกลยุทธ์ นั่นรวมถึงการถอนทุนบริษัทและขายสินทรัพย์ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 27 ต.ค. 65 ตรงกับช่วงที่เครดิตสวิส จะมีการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 ด้วยเช่นกัน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิเคราะห์หลักของ Moody’s Investors Service ประเมินว่า Credit Suisse จะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณกว่า 111,000 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2565 นั่นอาจส่งผลให้ทุนหลักต่ำกว่าระดับ 13%
โดยช่วงครึ่งแรกปี 2565 Credit Suisse รายงานผลขาดทุน 1,900 ล้านฟรังก์ พร้อมคาดการณ์ว่าจะดำเนินการด้วยอัตราส่วนหุ้นระดับ 1 (CET1) ทั่วไป ระหว่าง 13-14% ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2565
“อเลสซานโดร รอคคาติ” รองประธานอาวุโสกลุ่มสถาบันการเงินของหน่วยงานจัดอันดับกล่าวว่า กำลังคาดการณ์การสูญเสียเพิ่มเติมช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยมองว่าขาดทุน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดทั้งปี นั่นหมายความว่า CET1 จะต่ำกว่า 13% เล็กน้อย
หากอัตราส่วนเงินทุนหลักยัง “สม่ำเสมอ” ต่ำกว่า 13% จะเป็น “เครดิตติดลบ” สำหรับธนาคารทันที
โดย “มูดี้ส์” ปรับลดอันดับเครดิต Credit Suisse ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และคง “แนวโน้มเชิงลบ” ต่อไป การปรับลดสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของ Credit Suisse กับการปรับตำแหน่งวาณิชธนกิจ ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวและตลาดผันผวน
ทั้งนี้ Credit Suisse สูญเสียหลายพันล้านบาทช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงความเสียหาย 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการผิดนัดของสำนักงานของครอบครัว Archegos Capital Management ในสหรัฐฯ และการปิดกองทุนการเงินซัพพลายเชน มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ เชื่อมโยงกับ Greensill
อย่างไรก็ตาม Credit Suisse กำลังพิจารณามาตรการปรับลดขนาดธนาคาร เพื่อการลงทุนกลับเป็นธุรกิจที่เน้นเงินทุนและให้คำปรึกษาและกำลังประเมินการขายธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันออกไปด้วย
นี่คือบทเรียน..ว่าด้วยเรื่อง “ความเสี่ยง” ที่เกิดขึ้นได้ทุกองค์กร แม้แต่วาณิชธนกิจระดับโลก อย่าง Credit Suisse ก็ไม่ได้รับการยกเว้นด้วยเช่นกัน.!!