กลุ่ม “เจมาร์ท” วิ่งคึก! เก็งงบครึ่งหลังปี 65 โตยกแก๊ง

 กลุ่ม “เจมาร์ท” บวกยกแผง! เก็งกำไรผลประกอบการครึ่งหลังปี 65 โตยกแก๊ง อานิสงส์ทุกธุรกิจเติบโตเด่น เศรษฐกิจฟื้นตัว ขยายตลาดหนุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ต.ค.65) ล่าสุด ณ เวลา 10:32 น. ราคาหุ้น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อยู่ที่ระดับ 45.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.69% สูงสุดที่ระดับ 45.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 44.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 51.67 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT อยู่ที่ระดับ 62.75 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ระดับ 63.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 62 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264.87 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER อยู่ที่ระดับ 38.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.31% สูงสุดที่ระดับ 39.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.49 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J อยู่ที่ระดับ 4.06 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.50% สูงสุดที่ระดับ 4.08 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 ล้านบาท

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนํา “ซื้อ” หุ้น JMART โดยมีราคาเป้าหมาย 63.60 บาท เนื่องจาก (1) ระยะสั้นกําไรช่วงครึ่งหลังปี 65 จะโตดีกว่าครึ่งแรกปี 65 จากการเติบโตในทุกๆธุรกิจ, (2) มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาวจากทั้งธุรกิจดั้งเดิม และการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ และ (3) ยังมี Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจาก เช่น โครงการโซลาร์รูฟท้อป และ synergy จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อย่าง BRR, PRTR

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ทางฝ่ายวิจัยมีการปรับคำแนะนําเป็น Outperform จากเดิม Neutral แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 73 บาท โดยความน่าสนใจ คือ (1) ราคาหุนปรับลงมาราว 25% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้สะทอนข่าวลบไปมาแล้วและราคาหุ้นมี Upside จากราคาเป้าหมาย (2) คาดกําไรไตรมาส 3/65 5 อยู่ที่ 449 ล้านบาท เติบโต 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4% จากไตรมาสก่อน โดยได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่แข็งแกร่งจากการจัดเก็บเงินสดที่เพิ่มขึ้นนจากพอร์ตหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) และพอร์ตที่ตัดจําหน่ายต้นทุนครบแล้วที่สุงขึ้น รวมถึง Cash Collection ฟื้นตัวเป็น 1.40 พันล้านบาท เติบโต 5% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และคาดกำไรงวดไตรมาส 4/65 จะทำนิวไฮ

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SINGER แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 48 บาท อิง PER ปี 66 ที่ 27 เท่า จากเดิม 52 บาท อิง PER ปี 65 ที่ 35 เท่า โดยเป็นผลจากการ rollover ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 66 และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ และ de-rate PER ลงเพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จาก (1) บริษัทมีแนวโน้มปรับเป้ากำไรปี 65 ลงเป็นเติบโต 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากเดิม 75% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากยอดขายที่ชะลอตัวในช่วงน้ำท่วม และ (2) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก SG Capital (SGC) ที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 4/66 (เดิมไม่มีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในช่วง 65-67)

โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลง 13% เป็น 1.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน และปี 66 ลง 13%เป็น 1.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการปรับ (1) ลดยอดขายสินค้าจากผลกระทบน้ำท่วม, (2) ลด GPM, (3) ลด loan yield ลงตามสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ (high yield) ที่ลดลง และ (4) เพิ่มค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปี 66 ขึ้นจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่

ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 จะยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จาก (1) สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ (2) GPM ลดลง จากยอดขายกลุ่ม commercial (low margin) และการขาย clearance sale ที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้น underperform SET -10% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูง, สถานการณ์น้ำท่วม ที่ทำให้ยอดขายสินค้าลดลง และ NPL มีโอกาสเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดียังคงแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานปี 66 ที่จะขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งสินเชื่อ C4C, สินเชื่อเช่าซื้อ ที่ได้เพิ่มช่องทางการปล่อยสินเชื่อผ่านพาร์ทเนอร์ต่างๆ เช่น JGS, JAYDEE, Go Power รวมทั้งการบริหารจัดการให้ NPL อยู่ในระดับต่ำ และมีโอกาสที่สินเชื่อจะขยายตัวมากกว่าคาดจากการสินเชื่อให้เกษตรกร และสินเชื่อ C4C ผ่านการ synergy กับ BRR

Back to top button