DTAC บุ๊กจ่ายควบกิจการ 160 ลบ. ฉุดกำไร Q3 ลดฮวบ 41%
DTAC บุ๊กค่าใช้จ่ายควบรวมกิจการ 160 ลบ. ฉุดกำไรไตรมาส 3/65 ลดฮวบ 41% เหลือ 487.96 ลบ. ส่วนงวด 9 เดือนกำไรลด 30% เหลือ 2.22 พันลบ. จากปีก่อนกำไร 3.18 พันลบ.
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 และงวด 9 เดือนปี 65 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.65 ดังนี้
โดยผลกรดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 มีกำไรลดลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากผลกระทบเชิงลบจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในไตรมาสที่ 3/65 และผลประโยชน์จากต้นทุนค่าธรรมเนียมในไตรมาสที่ 3/64 กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 51.4 จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากผลกระทบเชิงบวกจากการปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2/65 และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นในไตรมาส 3/65 ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนด้วยค่าสินไหมทดแทนระหว่างกาลประมาณ 170 ล้านบาทจากการเคลมเงินประกัน
ส่วน EBITDA (ก่อนรายการอื่น ๆ) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 7,177 ล้านบาทลดลงร้อยละ 3.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้เมื่อปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว EBITDA ยังคงที่จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้าง และ EBITDA ลดลงร้อยละ 13.4 จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากผลกระทบเชิงบวกจากการปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากไตรมาสที่ 2/65 EBITDA margin (ไม่รวมรายได้จาก CAT ภายใต้สัญญาเช่าสินทรัพย์สัมปทาน และรายได้ค่าเช่าเครือข่าย 2300 MHz จาก TOT) ในไตรมาสนี้เท่ากับร้อยละ 43.8 ลดลงจากร้อยละ 50.8 ในไตรมาสก่อน ทั้งนี้เมื่อปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว EBITDA margin ในไตรมาส 3/65 ยังแข็งแกร่งอยู่ที่ร้อยละ 45
ขณะเดียวกันต้นทุนการดำเนินงานไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย ในไตรมาสนี้เท่ากับ 12,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 12.8 จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากรายการพิเศษจากการปรับปรุงต้นทุนค่าธรรมเนียมและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการโรมมิ่งบนเครอืข่าย 2300 MHz ของ TOT
อีกทั้งต้นทุนค่าธรรมเนียม ในไตรมาสนี้เท่ากับ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายการพิเศษจากการปรับปรุงต้นทุนค่าธรรมเนียมจำนวนประมาณ 170 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/64 และต้นทุนค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 224.8 จากไตรมาสก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการผลกระทบในเชิงบวกประมาณ 1 พันล้านบาทจากไตรมาสก่อน