‘KTB’ 18.00 บาท แค่หน้าปากซอย
แบงก์กรุงไทย หรือ KTB แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2565 ออกมาแล้ว ตัวเลขสำคัญในงบการเงินอยู่ในระดับที่ดีมาก เริ่มจากกำไรสุทธิ 8,450 ล้านบาท
แบงก์กรุงไทย หรือ KTB แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2565 ออกมาแล้ว
ตัวเลขสำคัญในงบการเงินอยู่ในระดับที่ดีมาก
เริ่มจากกำไรสุทธิ 8,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 67.16% เป็นตัวเลขกำไรที่มีการเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ส่วนงวด 9 เดือนแรก โกยกำไรไปแล้ว 25,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%
ตัวเลขกำไรงวดเก้าเดือนสูงสุดในกลุ่มฯ เช่นกัน
อย่างที่เคยย้ำกันหลายครั้ง
งบแบงก์มองแค่กำไรอย่างเดียวไม่ได้
ยังต้องเข้าไปดูตัวเลขสำคัญทางการเงินอื่น ๆ ประกอบด้วย
กำไรของกรุงไทยที่เพิ่มขึ้น
หลัก ๆ มาจากสินเชื่อเติบโต ทำให้มีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่เพียงเท่านั้น รายได้จากค่าธรรมเนียม หรือ “ค่าฟี” เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจอย่างมากด้วยเช่นกัน
ส่วน Cost to income ratio หรืออัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม หรือคล้าย ๆ กับการจัดการต้นทุนนั่นแหละ ได้ปรับลดลงจาก 46.21% เหลือเพียง 45.31%
ตัวเลขทางงบการเงินอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และสะท้อนเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อคือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL
ล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565 หนี้เสียของกรุงไทยลงมาเหลือ 3.32%
เป็นการปรับลดลงจาก 3.50% ณ สิ้นปี 2564
อีกตัวเลขสำคัญคือ Coverage ratio ที่สามารถเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 176.4%
ส่วนเงินกองทุนหรือ BIS Ratio สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับสูงเช่นกัน 20.63%
ผลประกอบการกรุงไทยที่ออกมาล่าสุด
ถือว่ามากกว่าที่นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันไว้เล็กน้อย
แต่ที่น่าสนใจคือ กรุงไทยยังถูก มีมุมมองเชิงบวกกับแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2565 ว่ายังจะออกมาสวยเช่นกัน
จากสินเชื่อที่เติบโตได้สูง และยังเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพ ทั้งจากสินเชื่อรายใหญ่
และสินเชื่อรายย่อย ที่เป็นสินเชื่อบุคคล ที่กลุ่มลูกค้าหลัก ๆ มาจากข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนเข้าบัญชีของกรุงไทย
ทำให้อัตราความเสี่ยงที่จะเกิดหนี้เสียต่ำมาก
เพราะหากมีการขอกู้กับกรุงไทย จะใช้ระบบการหักเงินจากเงินเดือนไปเลย
กรุงไทย ภายใต้การบริหารของ “ผยง ศรีวณิช” มีจุดเด่นคือการ “ยกการ์ดสูง” หรือการให้ความสำคัญกับเงินกองทุนที่จะต้องอยู่ในระดับสูงไว้ก่อน
เพื่อให้สามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ผลประกอบการของกรุงไทยไม่ได้เพิ่งจะมาสวยในงวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเท่านั้น
แต่ได้ดีขึ้นมาเป็นลำดับ
สะท้อนได้จากราคาหุ้นของกรุงไทย หากใครดูกราฟ จะพบว่าค่อย ๆ ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง
อาจจะมีบางช่วงที่เกิดการ “พักฐาน” บ้าง
แต่เป็นการพักฐานตามภาวะตลาด หรือราคาขึ้นมามากเกินไป และอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง
ก่อนหน้านี้ หรือในช่วงปลายปี 2564 ราคาอยู่ระหว่าง 10.00–11.00 บาท
จากนั้นค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ
มีแนวต้านสำคัญ (หลังจากผ่าน 10.00 บาท) อยู่ที่ 12.00 บาท
เมื่อผ่านที่แนวต้าน 12.00 บาท ขึ้นมาได้ มีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 15.00 บาท โดยใช้เวลากว่าครึ่งปี ที่ราคาหุ้นกรุงไทยจะผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นมาได้
เมื่อผ่าน 15.00 บาทขึ้นมา
มีแนวต้านถัดไปรออยู่ที่ 17.00 บาท
ราคาหุ้นกรุงไทยมาติดอยู่ที่แนวต้านนี้ประมาณ 3 เดือน
ก่อนที่จะทะลวงขึ้นมายืนเหนือ 17.00 บาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565
และล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 21 ต.ค. ราคาหุ้นกรุงไทยปิด 17.20 บาท
เมื่อย้อนกลับไปดูราคาเป้าหมายของโบรกฯ ต่าง ๆ ที่ให้ราคาเป้าหมายของกรุงไทยไว้ พบว่าจากทั้งหมด 8 โบรกฯ ให้ราคาต่ำสุดไว้ที่ 17.40 บาท และสูงสุด 21.00 บาท
ส่วน IAA Consensus Target Prize อยู่ที่ 18.60 บาท
บางโบรกฯ อยู่ระหว่างการปรับราคาเป้าหมายของกรุงไทยขึ้นอีก หลังจากผลประกอบการดีต่อเนื่อง
ส่วนวันนี้อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง
แต่หากราคาหลุด 17.00 บาท นักวิเคราะห์แนะนำว่า เหมาะต่อการเข้ารับ
ขณะที่เมื่อดูแนวโน้มผลประกอบการ บวกกับสัญญาณทางเทคนิค
ราคาของกรุงไทยที่จะกลับขึ้นมาแตะ 18.00 บาท ได้อีกนั้น
ระยะทางไม่น่าจะอยู่ไกลนัก
หรืออย่างมากแค่หน้าปากซอยเอง