พาราสาวะถี
ชัดเจนว่าช่วงนี้ไม่พูดเรื่องทางการเมือง เมื่อนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลยังคงไม่ลดละต่อการจี้ถามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทุกวัน
ชัดเจนว่าช่วงนี้ไม่พูดเรื่องทางการเมือง เมื่อนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลยังคงไม่ลดละต่อการจี้ถามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทุกวัน ล่าสุดก็ได้คำตอบเหมือนเดิม “การเมืองผมไม่พูด” ทั้งประเด็นนายกฯ คนละครึ่ง กับการสมัครเป็นสมาชิกพรรคสืบทอดอำนาจ โดยที่ท่านผู้นำบอกเพียงว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น กับ ไม่รู้ อย่างหลังนี่ไม่รู้ว่าเลียนแบบพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.หรือเปล่า แต่ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้ ไม่ปริปากอะไรให้เป็นประเด็นดีที่สุด
แม้ลูกพรรคสืบทอดอำนาจอยากจะได้คำตอบใจจะขาด พี่ใหญ่กับน้องเล็กจะเอายังไง การเสนอทางออกว่าด้วยหมดลุงตู่สู่ลุงป้อม ไม่ได้ช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ในเมื่อปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะเป็นนายกฯ ได้กี่ปี สิ่งสำคัญเวลานี้คือ หากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะรับเงื่อนไขเป็นสมาชิกพรรค จะต้องเป็นที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนประเด็นเงื่อนเวลา 2 ปีที่จะเป็นนายกฯ ได้เพียงเท่านั้น เป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดถึงเพราะยังไม่เกิดขึ้น
ทีมงานของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่างเชื่อมั่นกันว่า แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาที่เหลือกับการทำหน้าที่บริหารประเทศ ก็ยังเชื่อมั่นว่ายังมีประชาชนที่สนับสนุน มองว่าเจ้านายตัวเองยังขายได้ ขณะที่เจ้าตัวเองก็ต้องการจะพิสูจน์ว่าด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ ประชาชนจะไว้วางใจให้ได้ทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ เพราะยังคงเชื่อมั่นว่าตัวสร้างความได้เปรียบ ส.ว.ลากตั้ง 250 เสียง จะเป็นตัวแปรที่ทำให้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร แต่สุดท้ายคนที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องเป็นคนเดิม
ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีผลต่อความเคลื่อนไหวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในช่วงนี้ เห็นได้ชัดว่าเน้นไปที่การตั้งหน้าตั้งตาทำงาน วันหยุดจากที่กว่า 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นทำงาน เราก็ได้เห็นความขยันท่านผู้นำนำคณะไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม แต่งานใหญ่ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องการจะแสดงให้ทุกคนเห็น คือ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้ ด้วยหวังว่าจะเกิดผลในด้านบวกต่อประเทศไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
หากเป็นจริงอย่างที่ทีมวิเคราะห์คาดไว้ มันก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการที่จะกำหนดท่าทีทางการเมืองต่อหลังจากนั้น ถ้าเห็นว่าเป็นความได้เปรียบก็จะเกิดการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่ แต่หากทุกอย่างยังเป็นไปในทิศทางเดิม คือ แนวโน้มของพรรคที่สนับสนุนตัวเอง และพวกที่ร่วมหัวจมท้ายกับขบวนการสืบทอดอำนาจมานับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ยังตกเป็นรองทุกด้าน ก็จะเกิดการลากยาวกันไปจนครบวาระ แล้วค่อยไปประกาศความชัดเจนกันเอาวินาทีสุดท้าย
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า การเลือกตั้งที่พูดถึงกันอยู่เวลานี้ จะแลนด์สไลด์ได้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับกติกาที่จะใช้ แต่เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพื่อให้เข้ากับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้วว่าด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยังลูกผีลูกคน นั่นย่อมไม่อาจไว้วางใจได้ว่า บรรดาเนติบริกรศรีธนญชัยหรือนักกฎหมายขายตัวทั้งหลาย จะเลือกใช้กลไกใด เพื่อที่จะทำให้การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นหรือเป็นไปได้ช้าที่สุด ซึ่งก็จะเข้าทางผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทันที
การอยู่ครบวาระโดยที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง เท่ากับความเป็นรัฐบาลรักษาการที่อายุความเป็นนายกฯ จะไม่ถูกนับรวมตามเงื่อนไขมาตรา 158 วรรคสี่ หมายความว่า ยิ่งอยู่นานเท่าใดเพื่อรอให้มีการเลือกตั้ง ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะได้เปรียบในแง่ของอายุการทำหน้าที่ ขณะเดียวกันก็จะใช้จังหวะนี้ในการใช้ช่องทางความได้เปรียบฐานะฝ่ายกุมอำนาจรัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคและพวกที่สนับสนุนตัวเองในสนามเลือกตั้ง
เมื่อมองตัวเองกุมความได้เปรียบทุกประตู จึงย่อมไม่จำเป็นที่รีบร้อนให้คำตอบใด ๆ ทางการเมือง แม้จะขัดใจ ไม่ถูกใจนักเลือกตั้งของพรรคสืบทอดอำนาจที่ต้องการจะได้ยินก็ตาม อย่างไรก็ตาม การดึงจังหวะเช่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่ประเมินสถานการณ์เพื่อความได้เปรียบเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการประเมินท่วงทำนองทางการเมืองของพี่ใหญ่ของตัวเองด้วย จะขับเคลื่อนไปในทิศทางใด ต้องยอมรับความจริงกันว่านับตั้งแต่เกิดการใช้ใจบันดาลแรง ทุกอย่างที่พี่ใหญ่ขยับกับสิ่งที่น้องเล็กทำเหมือนจะสวนทางกันตลอดเวลา
ปัจจัยสำคัญที่บรรดานักเลือกตั้งโดยเฉพาะกับฝ่ายที่สนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจก็คือ ความทุ่มเท และสนับสนุนสิ่งที่จะนำไปเป็นอาวุธเด็ดในการเลือกตั้ง จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็ก ไม่ใช่ช่วงที่ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ หากแต่เป็นสิ่งที่ทำมาตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นั่นก็คือ พี่ใหญ่ดำเนินการวางคน วางเครือข่าย ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น ที่มีผลต่อการเลือกตั้ง แต่น้องเล็กไม่สนใจเรื่องเหล่านี้และเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่
จากเหตุผลที่ว่าตัวเองมีคะแนนนิยม เป็นคนที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการให้ทำหน้าที่ผู้นำประเทศต่อไป จึงไม่แยแสต่อข้อเรียกร้องใด ๆ ปล่อยให้นักการเมืองเรียกร้องกันไป มันจึงทำให้เกิดช่องว่าง ระยะห่าง ประเภทเจ้าขุนมูลนายกับคนที่รับใช้ใกล้ชิดประชาชนที่ต้องมีต้นทุน ซึ่งคนที่ถูกอุปโลกน์ยกหางว่าเป็นคนดีศรีสังคมไม่มีวันเข้าใจ ความต่างเช่นนี้มันมีผลต่อการเลือกตั้งซึ่งพี่ใหญ่เข้าใจถ่องแท้ ขณะที่น้องเล็กพยายามจะเข้าใจ แต่ไม่อาจจะไปเกลือกกลั้วทำให้ภาพตัวเองมัวหมองได้
แม้จะได้เห็นบรรดานักการเมืองสายตรงห้อมล้อม จนทำให้เชื่อมั่นว่าการไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันกับพี่ใหญ่ ก็ไม่น่าจะทำให้น้องเล็กมีปัญหาบนถนนสายการเมืองกับระยะเวลาที่เหลือ แต่สิ่งที่ทีมกุนซือของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกำลังดำเนินการอยู่เวลานี้ คือ คำยืนยันจากสองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญว่ายังจะสนับสนุน ร่วมหัวจมท้ายกันต่อไปหรือไม่ พร้อมกับการคำนวณตัวเลขที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง เมื่อเห็นแนวโน้มว่าทุกอย่างยังใกล้เคียงกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เราก็จะได้เห็นความชัดเจนทางการเมืองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ