“ดาวฟิวเจอร์” พุ่งกว่า 100 จุด รับดัชนี PCE ตามคาด บ่งชี้เงินเฟ้อผ่านจุดพีค
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ พุ่งกว่า 100 จุด ขานรับดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องคาดการณ์บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะลดแรงกดดันการเร่งขึ้นดอกเบี้นของเฟด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นบริษัทพลังงานของสหรัฐในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด หลังเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
โดย ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 121 จุด หรือ 0.38% สู่ระดับ 32,195 จุด
สำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่สูงกว่าระดับ 4.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
สำหรับราคาหุ้นบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป และเชฟรอน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ ต่างพุ่งขึ้นกว่า 2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
โดยบริษัทเอ็กซอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 3 สูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 152 ปี โดยมีกำไร 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 746,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับกำไรของบริษัทแอปเปิล อิงค์ในไตรมาสเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.07 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 784,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เอ็กซอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 4.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.86 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.12 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.05 แสนล้านดอลลาร์
ด้านเชฟรอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นกำไรสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และสูงเกือบ 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.1 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เชฟรอนระบุว่า บริษัทมีกำไร 5.78 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.86 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 6.664 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.736 หมื่นล้านดอลลาร์