ดอลล์ปรับขึ้น หลังรายงานประชุมเฟดหนุนแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ครั้งล่าสุดได้หนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0647 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0650 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5227 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5213 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.55 เยน จาก 123.40 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0196 ฟรังก์ จาก 1.0144 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7091 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7121 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุน หลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดเน้นย้ำว่าอาจจะมีความเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งหน้าในเดือนธ.ค.
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดส่วนใหญ่ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบทศวรรษในปีนี้ ขณะที่ผู้เข้าร่วมการประชุมโดยทั่วไปเห็นพ้องกันว่าอาจจะมีความเหมาะสมที่จะยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่ออกมาสนับสนุนแนวทางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนหน้า
นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยระบุว่า เหตุผลในการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีน้ำหนักมากขึ้นในปีนี้ และขณะนี้ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงภาวะดังกล่าว
ด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวย้ำมุมมองเดิมที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้สามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ส่วนนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า