BTG เทรดสนั่น! ลุ้นวิ่งเหนือจอง 40 บ. ชูจุดแข็งธุรกิจเกษตร-อาหารครบวงจร
BTG ลงสนามเทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งเหนือราคาจอง 40 บาท พร้อมชูจดแข็งธุรกิจเกษตรและอาหารครบวงจรด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 55 ปี ลุยนำเงินระดมทุนขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ผลักดันผลประกอบการโตแกร่ง
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดทุนไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BTG” ในวันที่ 2 พ.ย.65
โดย BTG ประกอบธุรกิจเกษตรและอาหารครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน รวมไปถึงอาหารสัตว์เลี้ยง จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ อาหารแปรรูป และไส้กรอก ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เช่น S-Pure, Betagro, ITOHAM และแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง เช่น Perfecta, DOG n Joy และ CAT n Joy เป็นต้น
ทั้งนี้ BTG มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 9,674 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 434.8 ล้านหุ้น และการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 65.2 ล้านหุ้น มีกำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 10 – 17 ต.ค. 65 ในราคาหุ้นละ 40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 17,392 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 77,392 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) 21.2 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
ด้าน นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BTG เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ BTG จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากลที่ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารในราคาที่เป็นธรรม
โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ประกอบกับประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจกว่า 55 ปี และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ จะเสริมให้บริษัทมีศักยภาพการเติบโตและการแข่งขันอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปเป็นทุนในการขยายธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ตลอดจนชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับ BTG มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด แผนการลงทุน รวมทั้งความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ ตามความเห็นสมควรคณะกรรมการบริษัทฯ
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 36.18% TAE HK Investment Limited ถือหุ้น 20.67% และกลุ่มครอบครัวแต้ไพสิฐพงษ์ 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
“หุ้น BTG ได้รับความสนใจพร้อมกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศไทย แม้ว่าสภาวการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนในปัจจุบันจะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเบทาโกรได้พิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวนให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้าร่วมการจองซื้อในครั้งนี้ ทางเบทาโกรขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในศักยภาพของเบทาโกร เพื่อร่วมสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายวสิษฐ กล่าว
นายวสิษฐ กล่าวอีกว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนใน SET ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล (World-Class Branded Food Company) ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากบริษัทจดทะเบียนรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ด้วยโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า BTG จะสามารถสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง จากแผนการขยายธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนมุมมองเชิงบวกที่มีต่อโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารโดยรวม พร้อมด้วยกระบวนการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพที่ดีกว่าและความปลอดภัยด้านอาหารที่สูงกว่า ในราคาที่เป็นธรรมเพื่อให้ประชาชนและชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ของ BTG วางแผนจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปต่อยอดความสำเร็จ เพื่อสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ได้แก่ 1.การลงทุนเพื่อการเข้าซื้อ และ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท 2.การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้นและ/หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960-10,500 ล้านบาท และ 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท