BTG แจง “ปันผล-เพิ่มทุน” โปร่งใส-เจ้าของเดิม กอดหุ้นแน่น!
BTG แจงข้อสงสัยนักลงทุน เรื่อง “ปันผล-เพิ่มทุน-ไซเลนต์พีเรียด” โปร่งใส ยันผู้ถือหุ้นเดิมกอดหุ้นแน่น! ด้วยทำสัญญา Additional Lock-up ไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ได้เข้าซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ระดับ 40 บาท ซึ่งวันแรกที่ทำการซื้อขายปิดที่ระดับราคา 36.25 บาท จนทำให้นักลงทุนเกิดข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลในหนังสือชี้ชวน หรือ Filing พบว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ BTG มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ก่อนการเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 10,500 ล้านบาท และทำการจ่ายไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น BTG เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2564 มีมติอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 450,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม หรือ RO ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ที่ราคาหุ้นละ 10 บาท โดย BTG ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564 พร้อมๆกับประเด็นที่หุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ติดไซเลนต์พีเรียด จำนวนกว่า 200 ล้านหุ้น โดยประเด็นทั้งหมดที่นักลงทุนสงสัย และได้สอบถามมาทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” นำไปสู่การนำข่าวที่ปรากฏในสื่อหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” ที่เกี่ยวกับหุ้น BTG ฉบับวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ปีที่ 29 ฉบับที่ 7053 นั้น
ล่าสุด BTG ได้ออกเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว เริ่มจาก การจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมก่อน IPO ซึ่ง BTG ได้อธิบายว่า เป็นเรื่องปกติที่บริษัททั่วไปทำกันก่อน IPO เนื่องจากเป็นการจ่ายจากกำไรสะสมที่มาจากผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัท ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเป็นเจ้าของ 100% และบริษัทฯ มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในหนังสือชี้ชวน
ส่วนเรื่องไซเลนต์พีเรียด จำนวน 200 ล้านหุ้น BTG ระบุว่า เกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ Lock up (ห้ามขายภายในระยะเวลา 1 ปี หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ) จำนวน 55% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO หรือประมาณ 1,064 ล้านหุ้น แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ทางบริษัทฯ จึงทำสัญญา Additional Lock-up ห้ามขายหุ้นทั้งหมดจำนวน 1,500 ล้านหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมก่อน IPO ดังนั้นผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด จึงไม่สามารถขายหุ้นเดิมก่อน IPO ได้ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังหุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่ออยู่ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นแต่ละราย (Rights Offering) BTG ได้อธิบายว่า การเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 ก่อน IPO โดยไม่มีการขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ และได้มีการเปิดเผยในหนังสือชี้ชวนเรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดจะติดเกณฑ์ Lock-up เรื่อง Silent Period ตามที่ได้ชี้แจงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ หากวิเคราะห์จากการชี้แจงของ BTG จะเห็นได้ว่า การที่ BTG ต้องกู้เงินเพื่อนำมาจ่ายปันผล ถือเป็นเรื่องปกติที่บริษัทฯ ต้องการสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับธุรกิจ โดยเงินที่นำมาจ่ายปันผลนั้น อยู่ในส่วนทุนซึ่งบริษัทฯ มีเงินทุนเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้นที่นำมาจ่ายปันผลกับผู้ถือหุ้นเดิม ดังนั้นการกู้เงินส่วนนี้ไม่มีผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างแน่นอน เพราะเป็นเพียงแค่การหมุนเวียนกระแสเงินเท่านั้น
ขณะที่การออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่อาจมองว่า ผู้ถือหุ้นเดิมมีความได้เปรียบจากจำนวนหุ้นในมือที่มีเพิ่มมากขึ้น แต่การเพิ่มทุนก็ทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมไม่สามารถซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้เมื่อเข้าสู่การซื้อขายในตลาดฯ ตามที่ได้ทำสัญญา Additional Lock-up ไว้