KLINIQ ดีเดย์เทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งทะลุ 30 บ. โบรกชูหุ้น Growth Stock
KLINIQ ดีเดย์เทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งทะลุ 30 จากราคา IPO ที่ 24.50 บาท ชูจุดเด่น Growth Stock คลินิกเจ้าแรกในตลาด พร้อมลุยระดมทุนขยายสาขา-ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โบรกฯประสานเสียงประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 26-34 บาทต่อหุ้น ฟากผู้บริหาร “นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์” มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ผู้ถือหุ้นเดิมพร้อมใจ Lock up 100%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.65) หุ้นสามัญของบริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ จะเข้าซื้อขายในนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยมีทุนชำระแล้ว 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 160 ล้านหุ้น และหุ้นบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,470 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,390 ล้านบาท
ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อ กำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 31.78 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.65) ซึ่งเท่ากับ 169.60 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญ ทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.77 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดฯยินดีต้อนรับ KLINIQ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการในวันนี้(7พ.ย.65) เป็นวันแรก โดย KLINIQ ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังความงาม ศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ได้แก่ การให้บริการด้านการรักษาโรคผิวหนัง ผิวพรรณความงาม ลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่างศัลยกรรม Wellness และฟื้นฟูสุขภาพ โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงามและศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งผ่านการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งจากประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ และมีประสบการณ์ให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนังและศัลยกรรมด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ภายใต้แบรนด์ “เดอะคลีนิกค์”
ขณะที่นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ เปิดเผยว่า วันนี้หุ้น KLINIQ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดฯ mai เป็นวันแรก มั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ความงามครบวงจร คลินิกเจ้าแรกของประเทศไทย เข้าระดมทุนตลาดหุ้นสำเร็จ ภายใต้จุดแข็งแบรนด์ THE KLINIQUE ที่มีความแข็งแกร่ง ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ นวัตกรรมเครื่องมือ US FDA และประสบการณ์มายาวนานกว่า 13 ปี
อีกทั้งยังมีจุดแข็งในเรื่องของโมเดลธุรกิจ Asset Light และฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง ไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย รวมทั้งการมีลูกค้ากว่า 2 แสนราย เข้ามาใช้บริการซ้ำ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอเมื่อ
นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุน VI ที่ได้เข้ามาลงทุนในช่วงก่อนหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น พร้อมใจ Lock up หุ้น 100% เป็นเวลา 6 เดือน
โดย KLINIQ เตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาคลินิกเวชกรรมราว 6-10 สาขา/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรม และจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมประมาณ 950 ล้านบาท ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปี 2566 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 270 ล้านบาท
ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิ.ย. 65 บริษัทมีสาขาให้บริการรวม 39 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น คลินิกเวชกรรม 35 สาขา ศูนย์ศัลยกรรม 1 สาขา และร้านทำเล็บ 3 สาขา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าในมากกว่า 200,000 ราย
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL) ในฐานะปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย KLINIQ กล่าวว่า มั่นใจว่า KLINIQ จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เห็นได้จากในช่วงระหว่างเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ มีนักลงทุนสถาบัน นักลงทุน VI ให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดจองล้นโดยมีสัดส่วนสถาบันจองเกือบ 40% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่ดี เมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 60 ล้านหุ้น ราคาเสนอ 24.50 บาท/หุ้น
สำหรับ KLINIQ มีผู้ถือหุ้นใหญ่3 รายแรกหลัง IPO คือ กลุ่มทองวัฒน์ถือหุ้น 52.35% บมจ. เอกชัยการแพทย์ ถือหุ้น 7.27% และนายรัฐพล กิตติชัยตระกูล ถือหุ้น 7.16% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ด้านผลงการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 65 ของ KLINIQ มีรายได้รวม 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 451.59 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 60.00 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 2564 ทั้งปีอยู่ที่ 129.25 ล้านบาท
สำหรับโบรกเกอร์เคาะราคาเป้าหมาย KLINIQ เฉลี่ย 26-34 บาทต่อหุ้น โดยชูจุดเด่นผู้นำด้านเวชกรรมและสุขภาพครบวงจรของไทย คาดกำไรปี 65 ฟื้นตัวแรง-ธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์
โดยบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 34 บาท ด้วยวิธี PE multiple ใช้กำไรต่อหุ้นปี 2566 ที่ 1.36 บาท กำหนดเป้าหมาย PE ปี 23 ที่ 25 เท่า
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท ประเมินกำไรสุทธิปี 64-66 CAGR สูงถึง 46% สำหรับปี 65 คาดกำไรสุทธิที่ 195 ล้านบาท โต 51% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 66 ประเมินกำไรสุทธิที่ 275 ล้านบาท โต41% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่ม
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมของ KLINIQ ในปี66 ได้ที่ 30.50 บาท จากการเติบโตทางรายได้ที่แข็งแกร่ง