TAKUNI กำไรไตรมาส 3 โต 49% แตะ 20 ลบ. รับรายได้เพิ่ม-ต้นทุนลด
TAKUNI รายงานกำไรไตรมาส 3/65 โต 49% แตะ 20 ลบ. รับรายได้เพิ่ม-ต้นทุนลด ดันงวด 9 เดือนกำไร 65 ลบ. โต 134% จากปีก่อนกำไร 28 ลบ.
บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจขายแก๊ส เพิ่มขึ้นจำนวน 62.46 ล้านบาท คิดเป็น 70.76% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยระหว่างงวดเพิ่มขึ้น 29.18% จากการปรับราคาขายเพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุน LPG ที่ทยอยปรับราคาเพิ่มตาม ประกาศของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565
ประกอบกับปริมาณขายแก๊สรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นคิดเป็น 32.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณขาย LPG เพิ่มขึ้น ทุกภาคส่วนทั้ง ภาคขนส่ง ภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 35.00%, 52.17% และ 25.05% ตามลำดับ ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศยังคงมีความผันผวนและมีราคาสูง นอกจากนี้มาตรการผ่อนคลายของสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคสามารถดำเนินชีวิต รวมทั้งขับเคลื่อนกิจกรรมทาง เศรษฐกิจและสังคมได้อย่างปกติส่งผลปริมาณการใช้ LPG ของทุกภาคส่วนเพิ่มมากขึ้น
ด้านรายได้จากธุรกิจขนส่งทางบก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 1.81 ล้านบาท คิดเป็น 54.68% เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขยายฐาน ลูกค้าไปในส่วนงานขนส่ง LPG กับบุคคลภายนอกเพิ่มมากขึ้น หลังจากสิ้นสุดสัญญาการให้บริการขนส่งแอมโมเนียจากผู้ว่าจ้างตั้งแต่ต้นปี 2564
ส่วนรายได้จากธุรกิจธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งระบบแก๊ส เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 0.60 ล้านบาท คิดเป็น 250% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ผันผวน ทำให้ผู้ใช้รถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรมมีความสนใจในการ ติดตั้งระบบแก๊สเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพิ่มขึ้นจำนวน 250.74 ล้านบาท คิดเป็น 49.08% เนื่องจากการส่งมอบงานรับเหมา ก่อสร้างน้ำมันและแก๊สในระหว่างไตรมาสเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโครงการที่ได้รับการว่าจ้างในไตรมาส 3 ปี 2564 รวมทั้งงานที่ได้รับการว่าจ้างในระหว่างปี 2565 ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างน้ำมันและแก๊สที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้ จำนวน 3,119.35 ล้านบาท
ด้านรายได้จากการให้บริการทดสอบความปลอดภัย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4.50 ล้านบาท คิดเป็น 22.68% เนื่องจากรายได้ บริการทดสอบในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น 31.74% โดยรายได้บริการทดสอบในภาคตะวันออกสำหรับปี 2565 คิดเป็น สัดส่วน 65.21% ของรายได้จากการให้บริการทดสอบความปลอดภัย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้เพียง 53.54%
ทั้งนี้ บริษัทมีต้นทุนทางการเงินลดลงจำนวน 3.07 ล้านบาท คิดเป็น 49.28% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีดอกเบี้ยจ่าย จากหนี้สินตามสัญญาเช่าลดลงจำนวน 1.67 ล้านบาท รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1.40 ล้านบาท