พาราสาวะถี

ไม่ต้องถามกันรายวันให้เมื่อยตุ้ม รอลุ้นทีเดียว 21 พ.ย. หรือหลังจากนั้น ผู้นำเผด็จการจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ


ไม่ต้องถามกันรายวันให้เมื่อยตุ้ม รอลุ้นทีเดียววันที่ 21 พฤศจิกายนหรือคล้อยหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จะมีคำตอบที่ชัดเจนและแน่นอนว่าจะเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ภาพเดินคู่กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคแม้จะอ้างไม่ใช่การยืนยันจะเข้าร่วมงานกับพรรคการเมืองนี้แน่นอน แต่คุยกันในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มันก็แค่การติ๊ดชึ่ง ดึงจังหวะให้คนหลงเหลี่ยมเท่านั้น แต่บรรดาคนเป็นมวยทั้งหลายอ่านทางกันออกหมด

นาทีนี้มีการพูดถึงแก๊ง 3 ป.ที่เคยยิ่งใหญ่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต แม้ว่าสายสัมพันธ์ส่วนตัวยังคงเคารพ นับถือกันอยู่ แต่ทางการเมืองไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้อีกต่อไป จากนี้ถ้าจะมีแก๊ง 3 ป.ก็จะไม่ใช่ ป.ป้อมประวิตร ป.ประยุทธ์ และ ป.ป๊อก อนุพงษ์อีกแล้ว แต่จะเป็น 3 ป.ใหม่ที่ผนึกกำลังกันขับเคลื่อนพรรคสืบทอดอำนาจสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ นำโดยพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เดิม ผนวกเข้ากับ “บิ๊กแป๊ะ” พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และ “บิ๊กป๊อด” พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องร่วมสายเลือดของบิ๊กป้อม

รายหลังนั้นได้ชื่อว่ามือประสานสิบทิศที่ทำงานการเมืองแทนพี่ชาย จนกลายเป็นข่าวโด่งดังก่อนหน้าเรื่องการบินลัดฟ้าดีลกับคนแดนไกล เพื่อรักษาสายสัมพันธ์อันเป็นที่มาของ ส.ส.ฝากเลี้ยง รวมไปถึงดีลลับจับมือกันหลังเสร็จศึกเลือกตั้งเป็นรัฐบาลที่ไม่อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การเมืองต้องดูกลเกมเฉพาะหน้าระหว่างวิชามารกับแลนด์สไลด์อย่างไหนจะประสบความสำเร็จ

แต่การเดินเกมการเมืองสองหน้าถือว่าทำให้พี่ใหญ่อยู่ในฐานะลอยตัว แค่ประคองให้พรรคสืบทอดอำนาจได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 50 ที่นั่งก็สามารถที่จะเป็นพรรคสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาลไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม สิ่งสำคัญคือเมื่อไม่ได้เดินบนถนนสายเดียวกันกับน้องเล็กแล้ว การดึงเอาขุนพลคู่ใจอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับมาร่วมชายคาจึงเป็นไปด้วยความสบายใจ และแนวโน้มอนาคตของผู้กองมันคือแป้งการกลับมาพรรคที่เคยไล่กับการกลับไปพรรคที่เคยอยู่ อย่างแรกน่าจะง่ายกว่า

ด้วยเหตุผลที่ว่าพรรคที่เคยไล่ กลับมายังไงก็มีโอกาสที่จะเป็นระดับนำ ถือธงพาลูกทีมในนามอดีต ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย และคนที่เคยร่วมงานกับพรรคสืบทอดอำนาจ สู้ศึกเลือกตั้งได้เต็มที่กว่าการที่จะกลับไปพรรคที่เคยอยู่อย่างเพื่อไทย เพราะจะเต็มไปด้วยเงื่อนไขสารพัด อย่างแรกที่ถูกโจมตี คือ พวกทรยศ หักหลัง เป็นปัญหาทั้งการเมืองภายในพรรค และการจัดสรรตัวบุคคลลง ส.ส.ในระบบเขต ดังนั้น หลังจากที่น้องเล็กประกาศตัวชัดแล้ว พี่ใหญ่ก็คงจะชัดเจนเรื่องการดึงธรรมนัสกลับมาช่วยงานเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดแก๊ง 3 ป.ใหม่ หมายความว่า 2 ป.ที่เคยรักกันกับพี่ใหญ่ก็จะต้องพากันมาสู้ศึกเลือกตั้งในนามรวมไทยสร้างชาติ ด้วยความมุ่งมาดปรารถนาว่าจะสามารถยึดเก้าอี้ ส.ส.ใน กทม.และภาคใต้ได้มากกว่าพรรคการเมืองอื่น และมีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียว รวมไปถึงเป็นเบอร์ 1 ของรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคด้วย ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจถึงเวลานี้ยังมีแคนดิเดตนายกฯ 2 ราย คือ พี่ใหญ่กับบิ๊กแป๊ะ

แต่จะมีการประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มตัวอีกครั้ง ชื่อของพี่ใหญ่ขายได้หรือฉุดคะแนนนิยมพรรค ถ้าเห็นว่าไม่เวิร์คประสาคนที่เข้าใจการเมืองพี่ใหญ่ก็พร้อมที่จะถอย แล้วส่งเพียงชื่อของบิ๊กแป๊ะเข้าประกวดชิงเก้าอี้นายกฯ แต่เพียงผู้เดียว ถึงจุดนั้นไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นว่าชื่อตัวเองขายไม่ได้เท่านั้น แต่มองกันไปถึงว่ายังไงพรรคแกนนำรัฐบาลเวลานี้ก็ไม่ได้เป็นพรรคเบอร์หนึ่ง เบอร์สองแน่ แค่ประคองตัวให้เข้าเส้นชัยโดยมีเสียง ส.ส.มากพอรอเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น

ไม่ว่าฝ่ายไหนจะรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พี่ใหญ่ก็พร้อมที่จะเข้าร่วม แต่แนวโน้มเบื้องต้นโน้มเอียงไปในทิศทางที่ว่าน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากเสียงของประชาชนที่ได้กำหนดตัวเลือกในใจไว้แล้วสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าฝ่ายเพื่อไทยเข้าวินโดยไม่ได้เป็นไปแบบแลนด์สไลด์ แต่มีจำนวน ส.ส.ที่ทิ้งขาดพรรคการเมืองอื่นพอสมควร ยากต่อการที่จะไปรวบรวมเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนครั้งที่ผ่านมา พรรคของพี่ใหญ่ก็จะเป็นตัวเสียบที่มีพลังต่อรองสูงยิ่ง

เช่นเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล แต่มีข้อกังวลว่า ถ้าตัดสินใจแบบนี้เสียงโหวตในที่ประชุมรัฐสภาที่จะต้องอาศัย 250 เสียงของ ส.ว.ลากตั้งยกมือให้คนที่จะเป็นนายกฯ พร้อมที่จะยกมือให้คนในซีกตรงข้ามกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอย่างนั้นหรือ ตรงนี้เป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่และมือไม้ที่ทำหน้าที่ดูแลกันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี มองกันว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ประกอบกับทิศทางของฝ่ายอำนาจนิยมเวลานี้ก็เปลี่ยนไปจากช่วง 8 ปีที่ผ่านมามากพอสมควร

ส่วนที่มองกันว่าถ้าสูตรการเมืองแบบนี้ การใช้สูตรรวมไทยสร้างชาติ บวกพลังประชารัฐ บวกภูมิใจไทย บวกประชาธิปัตย์ มันไม่น่าจะง่ายกว่าหรือ กรณีนี้มันเป็นไปได้ ถ้าทั้ง 4 พรรคสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภา แต่มันจะไม่ได้เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่ได้เสียงจาก ส.ส.เอื้ออาทรมาช่วยหนุน จึงทำให้ตั้งรัฐบาลกันสำเร็จ แต่การเลือกตั้งรอบนี้ระบบเลือกตั้งก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงแนวโน้มการเลือกของประชาชนก็ไม่ได้เหมือนยุคที่เลือกความสงบจบที่ลุงยังขายได้แต่อย่างใด

สิ่งสำคัญอย่าลืมเป็นอันขาด ความบาดหมางกันของพรรคภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศกลางวงประชุม ครม.ขอให้หาจุดร่วมสงวนจุดต่างกันไว้นั้น ในการเลือกตั้งก็จะซัดกันดุเดือดเลือดพล่าน ดังนั้น หลังเลือกตั้งถ้ามีโอกาสที่จะสั่งสอนด้วยการผลักให้พรรคหนึ่งพรรคใดไปเป็นฝ่ายค้านมันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้กลับมาจับมือกันอีก เมื่อเป็นเช่นนั้นการร่วมงานกันระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย หรือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ถามว่าอย่างไหนที่มีความเป็นไปได้มากกว่ากัน ต้องทำตัวเป็นแผ่นเสียงตกร่องอีกแล้ว นี่แหละการเมืองที่ว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

Back to top button