“ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 200 จุด หลุดแนว 33,000 กังวลผลเลือกตั้งยังไม่ชัด
“ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 200 จุด หลุดแนว 33,000 นักลงทุนกังวลผลเลือกตั้งกลางเทอมยังไม่ชัดเจน โดย ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,932.10 จุด ลบ 228.73 จุด หรือ 0.69%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุด หลุดระดับ 33,000 จุดในวันนี้(9 พ.ย.65) ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่ยังไม่มีความชัดเจน โดย ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,932.10 จุด ลบ 228.73 จุด หรือ 0.69%
ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงกว่า 2% ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาด ส่วนราคาหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม พุ่งขึ้นกว่า 6% ในวันนี้ หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่
ทั้งนี้ เมตาประกาศปลดพนักงานมากกว่า 11,000 คนในวันนี้ หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดมากกว่า 87,000 คน การประกาศปลดพนักงานดังกล่าว ถือเป็นการปรับลดตำแหน่งงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 18 ปีของเมตา ซึ่งมีชื่อเดิมว่าเฟซบุ๊ก ขณะที่บริษัทเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น แต่มีรายได้จากการโฆษณาลดลง
ด้านเมตาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่ขาดทุนจากธุรกิจเมตาเวิร์สมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 346,000 ล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีนี้
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ ขานรับคาดการณ์ชัยชนะของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลง
“หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหรือรวมทั้งวุฒิสภา ก็จะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประสบความยากลำบากในการผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” นายเดเมียน โบอีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Barrenjoey กล่าว
ส่วนนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะผลักดันมาตรการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็ได้ที่นั่งในวุฒิสภาเท่ากันที่ 48:48 จากจำนวนทั้งหมด 100 ที่นั่ง โดยทั้งสองพรรคต้องการได้มากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครตได้ที่นั่งเพียง 50 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็ยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากหากมีการลงมติในร่างกฎหมายใดๆแล้วพบว่ามีคะแนนเสียงเท่ากัน 50:50 นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภา
ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งมากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 199:178 จากจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง โดยพรรคที่ได้ 218 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.6% ในเดือนก.ย. ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนก.ย.