สรุปยอดซื้อขายหุ้น MORE จับตาโบรกฯใด “รอด” โบรกใดต้อง “ลุ้น(เหนื่อย)”
สรุปยอดซื้อขายหุ้น MORE จับตาโบรกฯใด “รอด” โบรกใดต้อง “ลุ้น(เหนื่อย)” ชี้ 9 แห่ง มีมูลค่าซื้อสุทธิรวมมากถึง 3.67 พันล้านบาท เสี่ยงตั้งสำรองสูง และอาจถึงขั้นต้องปิดตัวลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดราคาดิ่งฟลอร์ โดยราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.95 ลบไป 0.83 บาท หรือ 29.74% มูลค่าการซื้อขาย 7.16 พันล้านบาท หลังจากมีการตั้งคำสั่งซื้อ ATO หุ้น MORE ที่ระดับราคา 2.90 บาทต่อหุ้นจำนวน 1,500 ล้านหุ้น จากนั้นราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนราคาต่ำสุดของวัน (Floor)
อย่างไรก็ตามหากอ้างอิงข้อมูลการซื้อขายในตลาดหุ้น mai เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ของกลุ่มโบรกเกอร์ที่มีการทำรายการซื้อขายหุ้น MORE จำนวน 18 แห่ง โดยแยกในส่วนของการทำคำสั่งซื้อจำนวน 9 แห่ง รวมมูลค่าซื้อสุทธิจำนวน 3,671.49 ล้านบาท ส่วนฟากฝั่งโบรกฯที่ทำคำสั่งขายจำนวน 9 แห่ง รวมมูลค่าขายสุทธิจำนวน 3,713.68 ล้านบาท
ทั้งนี้หากแยกกลุ่มโบรกฯมีคำสั่งซื้อหุ้น MORE พบว่า โบรกฯ 9 แห่งที่ทำคำสั่งเสนอซื้อสุทธิดังนี้1.บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KKS พบว่ามีมูลค่าซื้อสุทธิ 926.74 ล้านบาท, 2.บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS มีมูลค่าซื้อสุทธิ 765.32 ล้านบาท, 3.บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY มีมูลค่าซื้อสุทธิ 474.50 ล้านบาท, 4.บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัดมีมูลค่าซื้อสุทธิ 430.26 ล้านบาท,
5.บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX มูลค่าซื้อสุทธิ 342.62 ล้านบาท, 6.บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนดาโอ จำกัด หรือ DAOL SEC มูลค่าซื้อสุทธิ 341.65 ล้านบาท, 7.บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI มูลค่าซื้อสุทธิ 169.34 ล้านบาท ,8.บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ AWS มูลค่าซื้อสุทธิ 162.56 ล้านบาท และ 9.บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ MST มูลค่าซื้อสุทธิ 81 ล้านบาท
ทั้งนี้ต้องจับตากลุ่มโบรกเกอร์ที่มีรายการซื้อสุทธิดังกล่าว เนื่องจากวันนี้(14 พ.ย.นี้) จะครบกำหนดการชำระเงินแบบ T+2 ซึ่งหากกลุ่มทำคำสั่งซื้อไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามา จะทำให้โบรกเกอร์ต้องเป็นผู้แบกรับแทนลูกค้าที่เป็นคนกดคำสั่งขายเข้ามา ส่วนกรณีเลวร้ายสุดโบรกเกอร์บางแห่งอาจต้องมีการตั้งสำรองสูง และบางแห่งอาจถึงขั้นต้องปิดตัวลงได้
ด้านกลุ่มโบรกฯมีคำสั่งขายสุทธิหุ้น MORE พบว่ามี 9 แห่ง ประกอบด้วย 1.บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX มีมูลค่าขายสุทธิ 1,856.83 ล้านบาท, 2. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL มูลค่าขายสุทธิ 624.75 ล้านบาท, 3.บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS มูลค่าขายสุทธิ 528.02 ล้านบาท, 4.บริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UBS มูลค่าขายสุทธิ 233.66 ล้านบาท,
5.บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS มูลค่าขายสุทธิ 136.57 ล้านบาท, 6.บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YUANTA มูลค่าขายสุทธิ 134.99 ล้านบาท, 7.บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA มูลค่าขายสุทธิ 131.24 ล้านบาท,8.บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi มูลค่าขายสุทธิ 34.38 ล้านบาท, 9.บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS มูลค่าขายสุทธิ 33.24 ล้านบาท